สคร.12 ‘เผย’ ผู้ป่วยโรคซิฟิลิสภาคใต้เพิ่ม กลุ่มวัยรุ่น ‘พัทลุง’ แชมป์

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ศูนย์ป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จ.สงขลา เปิดเผยว่าข้อมูลสถานการณ์โรคซิฟิลิส พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณถึงการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย และเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ปี 61 พบผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากที่สุด ในช่วงอายุ 15-24 ปี ร้อยละ 36.9 ซึ่งอยู่ในกลุ่มวัยรุ่น วัยเรียน และวัยเจริญพันธุ์ วัยรุ่นยังไม่ตระหนักถึงผลกระทบจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน ซึ่งจะทำให้วัยรุ่นติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เอชไอวี และการท้องไม่พร้อม

“จากการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีของกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ปี 60 พบว่าวัยรุ่นมีแนวโน้ม การมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น อายุเฉลี่ย 13-15 ปี และไม่ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกประมาณร้อยละ 30 ส่วนข้อมูลพฤติกรรมการใช้ถุงยางอนามัย ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2 ชายร้อยละ 76.9 และหญิงร้อยละ 66.7 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทั้งชายร้อยละ 74.1 และหญิง ร้อยละ 76.9 ระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 2 ทั้งชายร้อยละ 69.5 และหญิง ร้อยละ 74.6”

ดร.นพ.สุวิช ธรรมปาโล นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จ.สงขลา กล่าวว่าสถานการณ์โรคซิฟิลิสในเขต 12 ใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ตั้งแต่ปี 57 -61 ว่าพบผู้ป่วยโรคชิฟิลิสมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น คิดเป็นอัตราป่วยปี 58 ผู้ป่วย 4.14 และปี 61 ผู้ป่วย 9.39 ต่อแสนประชากร

Advertisement

“พบอัตราป่วยสูงสุดใน จ.พัทลุง คิดเป็นอัตราป่วย 20.60 รองลงมา จ.สงขลา คิดเป็นอัตราป่วย 19.00 ต่อแสนประชากรและ พบมากในกลุ่มนักเรียน/นักศึกษา ช่วงอายุ 15-24 ปี”

ดร.นพ.สุวิชกล่าวว่า โรคซิฟิลิส เป็นโรคที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ การรับเลือดจากผู้ที่ติดเชื้อ หรือจากแม่ที่ติดเชื้อซิฟิลิสแล้วไม่ได้รับการรักษาสู่ทารกในครรภ์ จากได้รับเชื้อในช่วงแรกอาจจะพบแผลที่อวัยวะเพศ แผลจะหายได้เอง และจะมีผื่นตามร่างกาย ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือที่อวัยวะเพศ อาจมีผมร่วงเป็นหย่อมๆ ได้

“ผู้ติดเชื้อบางรายอาจจะไม่แสดงอาการ แต่เชื้อนั้นจะอยู่ในร่างกายถ้าไม่ได้รับการรักษา เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี เชื้อนี้สามารถก่อให้เกิดความผิดปกติที่สมอง และระบบหัวใจและหลอดเลือดได้”

Advertisement

ดร.นพ.สุวิชกล่าวว่า ซิปิลิสเป็นโรคที่ไม่มีอาการแสดง ผู้ป่วยจะทราบว่าติดเชื้อได้ต่อเมื่อมีการไปตรวจเลือด เช่น การตรวจเลือดเพื่อบริจาคเลือด หรือการตรวจคัดกรองในระยะฝากครรภ์ ซึ่งโรคนี้มียารักษาและสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ควรมีการตรวจติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง

ดร.นพ.สุวิชกล่าวว่า อาการของโรคซิฟิลิส แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ซิฟิลิสระยะแรก แผลริมแข็ง ตุ่มแดง ขอบนูนแข็ง ไม่เจ็บ มักเกิดบริเวณอวัยวะเพศชาย อัณฑะ ทวารหนัก ช่องคลอด หรือ ริมฝีปาก หลังจากรับเชื้อประมาณ 10-90 วัน จะเป็นแผลประมาณ 1-5 สัปดาห์ แล้วจะหายไปเองโดยไม่ได้รักษา ระยะที่สอง จะเกิดผื่นในช่วงที่แผลริมแข็งหายไป 2-3 สัปดาห์ ลักษณะผื่นมีสีแดง หรือสีน้ำตาล ไม่คัน มักพบบริเวณฝ่าเท้า ฝ่ามือ มีไข้ ผมร่วงเป็นหย่อมๆ ต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ ไม่มีแรง อาการจะเป็นอยู่ประมาณ 1-3 เดือน แล้วจะค่อยๆ หายเอง ระยะนี้ถ้าตรวจเลือดจะพบว่า “เลือดบวกซิฟิลิส”

“ระยะแฝงและระยะท้ายเชื้อจะไม่แสดงอาการจนผ่านไปแล้ว 10-20 ปี จะเข้าสู่ระยะหลังเชื้อซิฟิลิสจะค่อยๆทำลายอวัยวะภายในของร่างกาย เช่น สมอง เส้นประสาท ตา หัวใจ เส้นเลือด กระดูก ทำให้ตาบอดและอาจถึงขั้นเสียชีวิต และซิฟิลิสแต่กำเนิด มารดาที่ติดเชื้อซิฟิลิส ขณะตั้งครรภ์ อาจแท้ง หรือทารกตายในครรภ์ เด็กที่รอดชีวิตอาจจะดั้งจมูกยุบ ปากแหว่ง เพดานโหว่ ตาบอด”

ดร.นพ.สุวิชกล่าวว่าการป้องกันโรคนั้นให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และรับผิดชอบต่อคู่และสังคม ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หากมีความเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย และขอแนะนำให้เจาะเลือดเพื่อตรวจคัดกรองซิฟิลิสและเอชไอวีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูแลสุขภาพของตนเองและลดโอกาสการแพร่เชื้อของโรคได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image