จากกรณีที่ พันเอก พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. และคณะ เข้าร่วมออกตรวจปราบปรามการกระทำผิด ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม บ้านลิเจีย จ.กาญจนบุรี เป็นเหตุให้เตรียมฟ้องแจ้งจับ นักธุรกิจรายหนึ่ง ที่เข้าครอบครองที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว
อ่าน จ่อแจ้งจับเจ้าสัวพันล้าน-พวกแอบถือครอบครองที่วิวสวยเกือบ 200 ไร่ อุทยานเขาแหลม
ล่าสุด พันเอก พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มทุนที่เข้ามาบุกรุกยึดถือครอบครองมีทั้งหมด 6 ราย โดยมีผู้ที่นามสกุลเดียวกันถึง 5 ราย ส่วนอีก 1 รายก็เป็นเครือญาติกัน ซึ่งเป็นกลุ่มทุนที่ทำธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นบริษัทมหาชน มีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2538 วงเงินเริ่มต้น 1 พันล้านบาท แต่ไม่ทราบว่าปัจจุบันจะมีทุนทรัพย์มากขึ้นไปอีกเท่าไร ถือเป็นกลุ่มทุนรายใหญ่ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจเกี่ยวกับธนาคารขนาดใหญ่ชื่อดังของไทยอีกด้วย จึงถือว่ากลุ่มบุคคลที่เข้ามายึดถือครอบครองเป็นกลุ่มทุนที่เป็นผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติ ไม่มีสิทธิ์ในที่ดินตามที่มติที่ดินตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541
สำหรับเงื่อนไขของมติ ครม.ดังกล่าว มีหลักเกณฑ์กำหนดไว้ ให้ช่วยเหลือราษฎรเดิม ผ่อนปรนให้อยู่อาศัยและทำกินอยู่ในที่เดิม ก่อนหรือหลังประกาศเขตสงวนหวงห้ามครั้งแรก และต้องทำประโยชน์ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่ห้ามเปลี่ยนมือ ห้ามบุกรุกใหม่ ห้ามขยายพื้นที่ทำกิน ตกทอดทางทายาทได้ สามารถเป็นมรดกให้ลูกหลานได้
ดังนั้นหากมีการซื้อขายอย่างกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ถือว่าชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ครอบครองที่ดินได้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือไปแล้ว ก็เท่ากับว่าได้สละการครอบครองไปแล้ว ไม่สามารถที่จะกลับเข้ามาทำกินหรือจะมาใช้สิทธิ์อะไรในที่ดินแปลงนี้ได้อีก ส่วนผู้ที่เข้ามาซื้อที่ดินครอบครองใหม่จะถือว่าเข้ามาครอบครองต่อเนื่องจากผู้ครอบครองรายเดิมไม่ได้ เนื่องจากเป็นคนนอกพื้นที่ และไม่มีคุณสมบัติ
