จากกรณีที่มีครอบครัวของผู้สูงอายุหลายราย ในพื้นที่ตำบลจอหอ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ร้องเรียนว่าครอบครัวถูกหนังสือขอเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุย้อนหลังเป็นเงินจำนวนหลายหมื่นบาท เฉลี่ยรายละ 70,000-100,000 บาท บางรายไม่สามารถหาเงินมาชำระคืนได้ จนถูกทางเทศบาลตำบลจอหอส่งเรื่องฟ้องศาลแขวงนครราชสีมาดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 มกราคม ที่สำนักงานสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา ถนนสืบศิริ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายมฤคินทร์ เขียนจอหอ ลูกชายของนางประจวบ ผะดาวัลย์ อายุ 73 ปี และนางสาววรรณภา สารเป็น ลูกสาวของนางสัมฤทธิ์ ภู่สว่าง อายุ 83 ปี 2 ใน 4 ของผู้สูงอายุ ที่ถูกเทศบาลตำบลจอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เรียกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืนย้อนหลัง ได้เดินทางมาพบนายพรเทพ เจริญพงศ์อนันต์ ประธานสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา เพื่อขอให้ช่วยเหลือเรื่องคดีความ
อ่านข่าว : พบอีก! ยายวัย 73 ถูกเรียกคืนเบี้ยสูงอายุกว่า 77,000 บาท อึ้งถูกเรียกผ่อนสูง 1.8 หมื่น 3 เดือนแรก
– กรมบัญชีกลาง แจงไม่มีอำนาจเรียกเงินคืน ชี้ไม่ได้หาคนผิด แต่หาทางเยียวยาผู้เสียหาย
โดยมีนายณพจน์ ผลเจริญ และนายสมพงษ์ โตสินธพ คณะกรรมการสภาทนายความ ร่วมรับเรื่องขอความช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วย ซึ่งสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา พร้อมให้การช่วยเหลือทางด้านคดีอย่างเต็มที่ โดยพร้อมต่อสู้คดีในชั้นศาล
นายพรเทพระบุว่า จากการศึกษาข้อกฎหมายเคยมีคดีคล้ายกับคดีดังกล่าว โดยศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาตัดสินว่า เงินที่ได้มาเป็นลาภมิควรได้ ซึ่งผู้ที่ได้มาต้องใช้คืนเงินในส่วนที่เหลือ แต่หากไม่เหลือก็ไม่จำเป็นต้องใช้คืน
นายพรเทพกล่าวว่า คดีนี้สภาทนายความจังหวัดนครราชสีมาพร้อมให้การช่วยเหลือครอบครัวผู้สูงอายุในการต่อสู้คดี โดยที่ไม่ต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เพื่อให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวศาลแขวงจังหวัดนครราชสีมาได้นัดฝ่ายจำเลย คือผู้ถูกเรียกคืนเงิน และฝ่ายโจทก์ คือเทศบาลตำบลจอหอ ไปพบที่ศาลเพื่อการไกล่เกลี่ย ให้การแก้ข้อหาแห่งคดี และสืบพยาน ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564