จากกรณีรถเก๋งสปอร์ต BMW Z4 เปิดประทุน ซิ่งฝ่าสายฝน พุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนรถเก๋งซูซูกิ สวิฟต์ ที่วิ่งสวนทางมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ น.ส.กรกฎ หิรัญ อายุ 31 ปี และ น.ส.วรรณกานต์ วรรณกายนต์ อายุ 29 ปี ที่เดินทางมาด้วยกันในรถยนต์ซูซูกิสวิฟต์ และ นายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง อายุ 50 ปี คนขับรถยนต์ BMW รุ่น Z4 เสียชีวิตในเวลาต่อมา และบาดเจ็บ 1 ราย คือ น.ส.เมษสวรรค์ แทนรัตน์ อายุ 18 ปี เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา บนถนนหมายเลข 12 สระบุรี-หล่มสัก ต.นาเฉลียง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน นายภูริทัต ภูร์ชัยแสง อายุ 58 ปี พี่ชายนายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง หรือตุ้ม อายุ 50 ปี ชาว จ.บึงกาฬ เดินทางมารับศพน้องชายเพื่อจะนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านนาสวรรค์ ต.นาสวรรค์ อ.เมือง จ.บึงกาฬ พร้อมเปิดเผยว่า ทราบข่าวจากทางโทรศัพท์และตามเฟซบุ๊ก เมื่อเห็นภาพที่แชร์กันตามโซเชียลก็ยังตกใจและยังตำหนิน้องผู้หญิง (น.ส.เมษสวรรค์) อยู่เลยว่าทำไมไปไลฟ์แบบนั้น แต่พอมาดูที่เกิดเหตุการณ์จริงๆ กลับตาลปัตร ทางพนักงานสอบสวนก็ยังไม่ฟันธงว่าจุดเกิดเหตุเกิดจากอะไร รู้แต่ว่าเราเสียหลักข้ามไปชนฝั่งตรงข้าม จนน้องชายเสียชีวิต ศีรษะไปกระแทกกับรถ
นายภูริทัตกล่าวว่า เมื่อได้พิจารณาถึงรายละเอียดแล้ว เข้าใจว่าตอนที่น้องเขาไลฟ์สดนั้นอยู่บนเขาค้อ ซึ่งก็ไม่ได้ใช้ความเร็วมากนัก และมาถึงที่เกิดเหตุก็ไม่น่าใช้ความเร็วมาก เพียงแต่ว่าฝนตกถนนลื่น คาดว่าขับอยู่ที่ 110 กม./ชม. และพอเห็นสภาพจริงๆ แล้วก็รู้สึกเสียใจว่าทำไมโซเชียลถึงได้แสดงความเห็นกัน เข้าใจผิดกับน้องชายและตระกูลเรา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดคลิปสุดท้าย บีเอ็มZ4 ฝ่าสายฝนกลับกทม.เสียหลักปีนเกาะกลาง ชนสนั่นเสียชีวิต3 เจ็บ 1 (มีคลิป)
- คืบหน้าเหตุรถชนในเพชรบูรณ์ หนุ่มคนขับ BMW Z4 ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตแล้ว
-
ญาตินำร่าง 2 สาว สวิฟท์ ทำพิธีบ้านเกิด พ่อเผย ไม่คาดคิดจะสูญเสีย ลูกเพิ่งโทรหา
นายภูริฑัตกล่าวอีกว่า จุดที่น้องผู้หญิงไลฟ์สดเป็นคนละแห่งและคนละห้วงเวลา ระยะทางห่างกันกว่า 60 กิโลเมตร ส่วนเวลาก็น่าจะห่างกันกว่า 1 ชั่วโมง เพียงแต่ว่าในจุดที่เกิดเหตุขณะที่เกิดอุบัติเหตุนั้นมีอะไรข้างหน้าก็ยังไม่ได้รับคำยืนยัน และยังไม่ได้รับคำบอกเล่าจากผู้บาดเจ็บ นอกจากนี้ ยังไม่เห็นกล้องหน้ารถทั้งสองคัน ซึ่งก็ยังไม่มีการยืนยัน หรือมีพยานหลักฐาน หรือตัวบ่งชี้ว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไรเลย
นายภูริฑัตกล่าวว่า หลังเกิดเหตุแม่ซึ่งก็อายุมากกว่า 80 ปีแล้ว รู้สึกเสียใจมากที่รถน้องชายขับเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกัน และยังมาทราบว่าลูกชายเสียชีวิตภายหลังอีก ส่วนข่าวที่ว่าครอบครัวเราร่ำรวยเป็นเศรษฐีนั้น จริงๆ แล้วบ้านเราไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไรเลย ครอบครัวเป็นแค่ข้าราชการบ้านนอก เรามีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป ส่วนน้องชายที่เสียชีวิตเป็นคนโสด มาใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ เป็นเหมือนหนุ่มเจ้าสำราญเพลย์บอย โดยน้องชายทำงานฟรีแลนซ์ และเป็นโปรแกรมเมอร์ เปิดบริษัทเป็นของตัวเองชื่อ วีว่าโซลลูชั่น จำกัด เป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์วางระบบต่างๆ
“สุดท้ายอยากจะขอโทษสังคมเพราะว่าน้องชายเป็นคนดี ทำหน้าที่ลูกที่ดีของแม่ ไม่เคยทำให้ครอบครัวผิดหวัง แม่ตั้งความหวังไว้กับลูกคนนี้มาก” นายภูริฑัตกล่าว