ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ยกฟ้องคดีปู่วัย 66 ปี ข่มขืนหลานแท้ๆ วัย 11 ปี ตั้งครรภ์นอกมดลูกเสียชีวิต ทนายเผยพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ผลนิติวิทยาศาสตร์ชี้ชัดไม่ถูกชำเรา สาเหตุเป็นมะเร็งที่สมองทำให้เกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน และเสียชีวิต ลูกหลานเตรียมบายศรี พร้อมอโหสิกรรมให้กับทุกคนที่เข้าใจผิด หลัง 1 ปีเศษ ถูกตราหน้าว่าเป็นจำเลยทางสังคม กินไม่ได้นอนไม่หลับ
จากกรณี ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.5 ชาว ต.นามะเขือ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ เสียชีวิตที่บ้านพัก โดยแม่และญาติระบุว่าลูกสาวถูกปู่แท้ๆ อายุ 66 ปี ข่มขืนช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2563 จนตั้งครรภ์นอกมดลูก ก่อนจะมีอาการแพ้และอาเจียน ทรุดหนักจนเสียชีวิต ตำรวจแจ้งข้อหาปู่เป็นผู้กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย ขณะที่เจ้าตัวให้การปฏิเสธ อ้างว่ารักและเอ็นดูมากไม่ได้ข่มขืน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แม่เล่าลูกสาววัย 11 ถูกปู่ข่มขืน สุดทรมานก่อนสิ้นใจคาอ้อมกอด
- ตร.จับแล้วปู่ข่มขืน หลานสาววัย 11 ปฏิเสธไม่ได้ทำ
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 มีนาคม ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์นัดพิจาณาคดีดังกล่าว โดยเปิดบัลลังก์ที่ 12 เป็นคดีดำที่ อ540/64 มีพนักงานอัยการ จ.กาฬสินธุ์ เป็นโจทก์ มีนายประยูร ศรีดาแก้ว เป็นจำเลย ซึ่งเป็นการตัดสินในศาลชั้นต้น ทั้งนี้ มีภรรยา ลูกหลาน และญาติพี่น้องของนายประยูร จำนวน 10 คน เดินทางมาให้กำลังใจ
นายวิญญู ขันผง ทนายความฝ่ายจำเลย กล่าวว่า คดีนี้ใช้เวลา 1 ปีเศษ ก่อนที่ศาลกาฬสินธุ์นัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นในวันนี้ ผู้พิพากษาได้อ่านคำพิพากษาประมาณ 30 นาที โดยมีคำตัดสิน ยกฟ้องนายประยูร ศรีแก้ว พิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ผลนิติวิทยาศาสตร์ชี้ชัดว่าไม่ถูกชำเรา สาเหตุที่ทำให้เด็กเสียชีวิตเนื่องจากเป็นมะเร็งที่สมอง ทำให้เกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน และเสียชีวิตดังกล่าว เรื่องทั้งหมดเกิดจากคำวินิจฉัยของพยาบาลเจ้าของไข้ ในส่วนขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับนายประยูร ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว และทางญาติว่าจะดำเนินการอะไรต่อไปหรือไม่
นายสายัญ ศรีดาแก้ว อายุ 36 ปี บุตรชายนายประยูร และเป็นบิดาของ ด.ญ.บี (นาสมมุติ) ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าพ่อ หรือนายประยูร ซึ่งเป็นปู่แท้ๆ ของลูกสาววัย 11 ปี จะลงมือก่อเหตุตามข้อกล่าวหา ซึ่งตนกับพ่อได้เปิดอกคุยกันแบบลูกผู้ชายตั้งแต่แรก และพ่อยืนยันว่าไม่ได้กระทำกับหลาน อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้ โดยเฉพาะศาลท่านได้เมตตาและพิพากษาตามพยานหลักฐานว่าพ่อเป็นผู้บริสุทธิ์ ตนและครอบครัวก็ดีใจที่สุดแล้ว
ด้านนางโชติกา ขันตี อายุ 40 ปี ลูกสาวนายประยูร กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทราบว่าพ่อ แม่ ลูกหลานทุกคน เป็นทุกข์ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก ไม่มีใครอยากเชื่อว่าพ่อจะลงมือทำกับหลานอย่างนั้น ทำให้พ่อตกเป็นจำเลยสังคม และแม่ก็ถูกชาวบ้านมองแบบผิดๆ
“สิ่งที่ชาวบ้านและสังคมคิดเหมือนเป็นตราบาปให้กับครอบครัวเรามาตลอดปีเศษ ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ หลังจากศาลยกฟ้องแล้ว ทุกคนรู้สึกดีใจมาก ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ยอมรับแล้วว่าความยุติธรรมมีจริง หลังจากจะได้เตรียมบายศรี เพื่อเรียกขวัญกำลังใจกลับคืนมาให้พ่อ
“ขอฝากถึงบุคคลใดก็ตามที่เคยเข้าใจพ่อผิด หรือมีอคติกับครอบครัวเรา ทั้งมีการโพสต์ การคอมเมนต์ในสื่อโซเชียลต่างๆ เรายินดีจะอโหสิกรรมให้ และคงจะไม่ไปเรียกร้องอะไรกับใคร ถือเป็นการยุติกันไป และจะไม่ถือโทษโกรธเคืองใคร เพื่อที่หลานสาวจะได้ไปสู่สุคติ” นางโชติกากล่าว