กรณี น.ส.หนูผิ่น แสงสีดา อายุ 51 ปี ชาว ต.พังเคน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี แม่ของน้องบีม หรือ นายยศพล ฮ่มซ้าย หรือน้องบีม อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยนครพนม ผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุรถพ่วงหลับในชนท้ายรถจักรยานยนต์ ถูกตัดขาซ้ายเหนือหัวเข่า เพราะติดเชื้อ อีกทั้งยังมีเลือดคั่งในสมอง ยังไม่รู้สึกตัว โดยระบุว่า ทางโรงพยาบาลนครพนม ส่งตัวไปรักษาปลายทางล่าช้านั้น
อ่าน เหยื่อรถพ่วงมรณะต้องตัดขา แม่ร้อง รพ.ต้นทางรับผิดชอบ หลังยื้อรักษากว่า 10 ชม. จนแผลติดเชื้อ
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ นพ.ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม กล่าวว่า ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บ มีอาการทางสมอง ขาหัก 2 ข้าง ยืนยันว่าทางทีมแพทย์ได้ตรวจสอบประเมินดูอาการต่อเนื่อง ไม่ได้ปล่อยปละละเลย แต่ช่วงแรกมีการประเมินผลอาการบาดเจ็บที่ขาพบว่ายังตอบสนอง แต่มีปัญหาที่เส้นเลือดใหญ่ ไม่สามารถที่จะส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลมีแพทย์เชี่ยวชาญได้ทันที เนื่องจากต้องประเมินรักษาอาการทางสมองก่อน เพราะหากอาการทางสมองไม่ดีขึ้น จะไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ ทั้งนี้ยอมรับว่าทางโรงพยาบาลนครพนม ขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องศัลยกรรมกระดูก ผ่าตัดเส้นเลือด จึงต้องส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร
“ทาง รพ.ต้องประเมินอาการผู้ป่วยเพื่อส่งต่อ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุฉุกเฉินระหว่างการเดินทาง รวมถึงต้องรอให้ทาง รพ.ปลายทางตอบรับ จึงจะสามารถดำเนินการได้ ซึ่งเมื่อกระบวนการเรียบร้อย ทาง รพ.ก็รีบส่งตัวทันทียืนยันว่าทีมแพทย์ดูแลรักษาสุดความสามารถ อาจจะไม่เป็นไปตามญาติต้องการ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ทีมแพทย์มีขั้นตอนการรักษาตามหลักวิชาชีพ อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลพร้อมที่จะดูแลเยียวยาผู้ป่วย ไม่ได้ปล่อยปละละเลยอย่างแน่นอน อยากให้มั่นใจ การทำงานของทีมแพทย์ พยาบาล ไม่ว่าจะกรณีใด ทุกฝ่ายรักษาสุดความสามารถ ไม่ให้เกิดความสูญเสีย และเข้าใจในความรู้สึกของญาติที่เจ็บป่วย” นพ.ธนสิทธิ์ กล่าว
