‘หล่มสัก’ น้ำลดแล้ว ชาวบ้านโวยผู้รับเหมา ทำคันดินกั้นไหลหลากไม่อยู่ – ‘นายก ทม.’ จ่อหารือรับมือทะลักซ้ำ
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีแม่น้ำป่าสักเอ่อท่วมที่อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ หลังมีฝนตกหนักหลายวันติดต่อกัน จนทำให้น้ำป่าไหลหลากจากพื้นที่เขาในเขต อ.ด่านซ้าย ลงสู่แม่น้ำป่าสัก กระทั่งทำให้เกิดการเอ่อทะลักเข้าท่วมพื้นที่และบ้านเรือนที่อาศัยอยู่บริเวณริมสองฝั่งแม่น้ำป่าสัก
อ่านข่าว : ‘หล่มเก่า-หล่มสัก’ อ่วม แม่น้ำป่าสักเอ่อล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือน-พื้นที่เกษตร หวั่นดินโคลนถล่มซ้ำ
ล่าสุด สถานการณ์เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ โดยน้ำที่เอ่อท่วมทั้งในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก, เทศบาลตำบลตาลเดี่ยว, อบต.วัดป่า ระดับน้ำลดลงแล้ว โดยเฉพาะระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลงกว่าตลิ่งราว 1 เมตรเศษ ในขณะที่บ้านเรือนราษฎรและถนนสายหลักต่างๆ รวมทั้งถนนตรอกซอกซอยที่ก่อนหน้านี้ถูกน้ำท่วม ส่วนใหญ่น้ำลดจนแทบเหือดแห้งแล้ว ต่างพากันเก็บล้างทำความสะอาดบ้านพัก เนื่องจากเลอะไปด้วยโคลนตม ส่วนทางเทศบาลฯและ อบต.ระดมเจ้าหน้าที่ล้างถนนที่ถูกน้ำท่วมเช่นกัน โดยเฉพาะเทศบาลเมืองหล่มสัก มีการระดมนำเครื่องมาสูบน้ำที่ยังท่วมตกค้างในพื้นที่ต่ำ โดยเฉพาะบ้านเรือนของชาวบ้าน
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังเกิดเหตุคันดินกั้นริมแม่น้ำป่าสักแตก จนทำให้บ้านเรือนทั้งในชุมชนบ้านไร่ เขตเทศบาลฯหล่มสัก และชุมชนหมู่ 9 ต.วัดป่า จำนวนหลายร้อยหลังคาเรือนต้องจมน้ำโดยทันทีนั้น ล่าสุด ผู้ที่ประสบภัยต่างพากันโวยวายและตำหนิผู้รับเหมาก่อสร้างพนังกั้นน้ำ ความว่า ทำงานชุ่ย ขาดความรับผิดชอบ โดยมีการนำดินหรือทรายมาเทกองเป็นคันดินกั้นน้ำชั่วคราว แต่เนื่องจากถูกน้ำกัดเซาะจนคันดินแตกและขาดเป็นช่อง จึงส่งผลให้น้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ทรัพย์สินและสิ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้าถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย โดยบางรายถึงกับเรียกร้องให้ผู้รับเหมาชดใช้ค่าเสียหายอีกด้วย
นายกิตติ พั้วช่วย นายกเทศมนตรีเมืองหล่มสัก กล่าวว่า ช่วงน้ำท่วมปีที่ผ่านมาทางเทศบาลฯทำคันดินขนาดใหญ่กั้น ทำให้ต้านกระแสน้ำได้ผลโดยไม่มีน้ำเข้าท่วมแต่อย่างใด ส่วนรอบนี้ทางผู้รับเหมาพยายามเร่งงานก่อสร้างเพื่อสร้างพนังกั้นน้ำอย่างถาวร แต่ด้วยความที่มีพายุเข้าและน้ำในแม่น้ำป่าสักมาเร็ว ทำให้คันดินที่ผู้รับเหมาสร้างชั่วคราวกั้นไว้ถูกแรงน้ำจนขาด ซึ่งตนก็เข้าใจทางผู้รับเหมาดีว่าเป็นเหตุสุดวิสัย
“วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ จะพูดคุยกับทางผู้รับเหมาอีกที ให้ช่วยปั้นคันดินให้ใหญ่ เพื่อต้านกระแสน้ำให้ได้ นอกจากนี้ จะประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมรับมือน้ำรอบต่อไป เพราะรู้ข้อบกพร่องแล้วว่าน้ำทะลักเข้าท่วมตรงจุดไหน” นายกิตติกล่าว