ผู้ว่าฯพิจิตรบุกถามตำรวจ สภ.โพทะเล คดีวัดบางคลานไปถึงไหน ถ้าไม่คืบจะขอให้ DSI มาช่วยทำ แฉ ส.ว.กิตติศักดิ์อยู่เบื้องหลัง มีหลักฐาน
จากกรณีเหตุประทะวุ่นที่ วัดหิรัญญาราม หรือ วัดบางคลาน (หลวงพ่อเงิน) เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม โดย นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร สั่งการสนธิกำลังหลายหน่วยงานร่วมปฏิบัติการทวงคืนวัดบางคลาน กระทั่งเกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มชาวบ้านที่บุกยึดวัดบางคลาน มีเจ้าหน้าที่ อส.และสารวัตรทหารได้รับบาดเจ็บหลายราย รวมถึงทรัพย์สินทางราชการเสียหายหลายรายการ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม นายพยนต์ ผู้ว่าฯพิจิตร เดินทางไปที่ที่ว่าการอำเภอโพทะเล เพื่อเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ นายสุเมธ เมธีรัตนาพิพัฒน์ นายอำเภอโพทะเล และเจ้าหน้าที่ อส.ที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับมีชาวบ้านและพระสงฆ์นำกระเช้าทยอยมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่รักษาวัดและพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง
จากนั้น ผู้ว่าฯพิจิตรเดินทางไปที่ สภ.โพทะเล เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีบุกรุกยึดครอบครองวัดบางคลานว่าไปถึงไหนอย่างไร และใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยพบว่าผู้กำกับ สภ.โพทะเล และสารวัตรสอบสวนไม่อยู่ เนื่องจากเดินทางไปสโมสรตำรวจ กทม. เพื่อสรุปรายงานชี้แจงความคืบหน้าวัดบางคลานต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีเพียงรองผู้กำกับป้องกันและปราบปรามสรุปรายงานเบื้องต้นแก่ผู้ว่าฯพิจิตร เหตุการณ์ปะทะวัดบางคลานว่า เบื้องต้นมีผู้กระทำความผิด จำนวน 37 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว และอีกกว่า 10 คน อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานจากภาพถ่ายและคลิปวิดีโอต่างๆ เพื่อออกหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม นอกจากนี้ ผู้บุกรุกวัดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. มีผู้เกี่ยวข้องกับคดีชายชุดดำด้วย
ต่อมาผู้ว่าฯพิจิตร พร้อมด้วยนายอำเภอโพทะเล และกำลัง อส.เดินทางไปตรวจติดตามสถานการณ์ภายในวัดบางคลาน พบว่าภายในวัดบางคลานเงียบเหงา ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาภายในวัดแต่อย่างใด มีเพียงกลุ่มบุคคลและชาวบ้านที่ยังยึดครอบครองวัดบางคลานอยู่ภายในวัดกว่า 50 คน ทั้งชายและหญิง รวมทั้งบุคคลที่ศาลจังหวัดพิจิตรสั่งห้ามไม่ให้จำเลยและบริวารเข้าไปยุ่งเกี่ยวภายในวัดก็ตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะผู้ว่าฯพิจิตรขึ้นไปบนวิหารหลวงพ่อเงินเพื่อกราบไหว้ได้มีกลุ่มบุคคลของอดีตเจ้าอาวาสที่ยึดครองวัดกรูเข้ามา พร้อมต่อว่าผู้ว่าฯพิจิตรต่างๆ นานา ผู้ว่าฯพยามขอเจรจากับแกนนำเพื่อหาข้อยุติให้เกิดความสงบสุขของวัด และขอประสงค์ทำตามความต้องการของกลุ่มอดีตเจ้าอาวาส
ชาวบ้านยืนยันไม่รับ พระครูพิสุทธิวรากร มาเป็นเจ้าอาวาสวัดบางคลาน อีกทั้งหวงแหนวัตถุมงคล พระพุทธรูปเก่าภายในวัดหวั่นสูญหาย จึงเกิดปะทะคารมกับแกนนำหลายคน
นายสนอง ชาวบ้านบางคลาน ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มอดีตเจ้าอาวาสที่ยึดครองวัด กล่าวว่า พระครูพิสุทธิวรากรมารักษาการอยู่ตั้งแต่ปี 2557 ชาวบ้านบางคลานเขาไม่เอาและไม่ยอมรับ ซื้ออะไรก็ไม่โปร่งใส ชาวบ้านไม่ยอมรับมาตั้งแต่ปี 2557 ตอนนี้ปี 2566 อยู่ๆ ก็มาแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัด ทั้งๆ ที่เราขัดแย้งกันอยู่แล้ว ถามว่า จ.พิจิตร มีพระรูปเดียวใช่ไหม ขอให้จังหวัดเอาพระรูปไหนก็ได้ลองเอามา ถ้าเอาพระรูปอื่นมาเป็นเจ้าอาวาสก็อาจจะรับได้
ขณะที่ นายสราวุฒิ แกนนำกลุ่มอดีตเจ้าอาวาสบุกยึดวัดบางคลาน กล่าวว่า ชาวบ้านต้องการให้มีการไกล่เกลี่ยโดยมีคนที่เป็นกลางและเป็นคนที่ยอมรับได้เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจา เช่น ระดับอธิบดี รองอธิบดีเข้ามา ชาวบ้านก็เปิดหมดเลยจะไม่มีการปิด ทั้งนี้ ชาวบ้านกลัวเรื่องการขนพระพุทธรูปโบราณ วัตถุมงคลออกไป จึงต้องล็อกประตูไว้ ชาวบ้านไม่เคยเข้าไปยุ่ง
ด้านผู้ว่าฯพิจิตรระบุว่า เหตุการณ์ปะทะที่วัดบางคลานล้วนเป็นที่ทราบดีว่าท่านสมาชิกวุฒิสภา นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ เป็นผู้ให้การสนับสนุนคนที่อยู่ทางวัดพยายามจะขัดขวาง เราก็สงสัยว่าทำไมถึงมาขัดขวาง ทั้งนี้ ทราบข้อมูลจากท่านเจ้าอาวาสว่ามีพยานหลักฐานที่พยายามกลบเกลื่อน พยายามทำลาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนที่กระทำความผิด เบื้องต้นเจ้าอาวาสและทนายความได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้เพิกถอนการประกันตัว แต่ท่าน ส.ว.ยังไม่ได้เป็นจำเลย เป็นเพียงผู้ต้องหา และพนักงานสอบสวนเห็นว่าท่านมีตำแหน่ง มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งจึงไม่ได้ควบคุมตัว
ผู้ว่าฯพิจิตรกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะบุคลากรเราน้อยจึงจะได้ขอกำลังกองปราบฯที่มีความพร้อม หากเป็นไปได้ก็จะขอไปทาง DSI ไปด้วย เพราะ DSI มีกำลังในส่วนนี้อยู่ ให้มาดำเนินการก่อนเข้าพรรษา เพื่อนิมนต์เจ้าอาวาสจำพรรษาที่วัดบางคลานตามกฎหมาย
“สิ่งที่ผิดคาดซึ่งมีเหตุปะทะนั้นไม่ใช่การต่อต้านจากชาวบ้าน แต่เป็นหน่วยงานตำรวจของพิจิตรที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับราชการ ไม่ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและฝ่ายทหาร จริงๆ เรามีตำรวจควบคุมฝูงชนประจำอยู่ที่จังหวัด ซึ่งวันนั้นได้รับแจ้งว่าจะมีการนำชุดปราบจลาจลไปที่สภา แต่จริงๆ ไม่ได้ไป แต่ไม่ได้มาช่วยที่วัดบางคลาน ทำให้มีเจ้าหน้าที่ทหาร ปกครองบาดเจ็บจำนวนมาก
“จะรายงานไปยังท่านแม่ทัพกองทัพภาคที่ 3 ท่านอธิบดีกรมการปกครอง ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ผบ.ตร. ในการนำเจ้าอาวาสวัดบางคลานเข้าวัด มีเพียงทหาร อส.เท่านั้น แต่ตำรวจพิจิตรไม่รู้อยู่ไหน ซึ่งขอกำลังไปแต่เขาไม่ได้มาช่วย” ผู้ว่าฯพิจิตรกล่าว
นายอำเภอโพทะเลกล่าวว่า ได้สำรวจความเสียหายและสำรวจผู้ได้รับบาดเจ็บเพื่อแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.โพทะเล ซึ่งการดำเนินคดีแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือเจ้าพนักงานราชการที่ได้รับบาดเจ็บ แม้กระทั่งผมเอง ปลัดอำเภอ รวมแล้วได้รับบาดเจ็บหลายสิบนาย ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนเหล็ก กระสุนลูกแก้ว กระสุนดิน หลายชนิด รวมทั้งสารเคมีต่างๆ ที่ผู้ขัดขวางฉีดพ่นใส่กลุ่มเจ้าหน้า เราระคายเคืองผิวหนังและดวงตาหลายสิบคน
นายอำเภอโพทะเลกล่าวว่า ส่วนที่ 2 คือความเสียหายจากทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นรถของ อส. รถของประชาสัมพันธ์ รถของสื่อมวลชน และรถของพี่น้องประชาชนที่มาให้กำลังใจเจ้าอวาสได้รับความเสียหายหลายสิบคัน และส่วนที่ 3 กรณีบุกรุกและทำรายทรัพย์สินต่างๆ ภายในวัด ตลอดจนทำร้ายร่างกาย เราเข้าแจ้งความทั้งหมดแล้ว เบื้องต้นจากการดูกล้องวงจรปิดสามารถรวบรวมคนกระทำความผิดได้ประมาณ 30 คน ได้ส่งรายชื่อให้ตำรวจดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน จ.พิจิตร ยังไม่สามารถพาเจ้าอาวาสรูปใหม่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายในวัดบางคลานได้ตามกฎหมาย เนื่องจากยังมีกลุ่มบุคคลยึดครอบครองวัดอยู่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง