จับกุม ‘ชายเบลเยียม’ ปล่อยเงินกู้นอกระบบ อึ้ง! ดอกเบี้ยร้อยละ 20 ยึดจยย.ค้ำประกัน

จับกุม ชาวเบลเยียม ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ดอกเบี้ยร้อยละ 20

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2567 พ.ต.อ.เทพพนม สุวรรณรัตน์ ผกก.สส .3 บก.สส.ภ 8 ,พ.ต.ท.สุริยา รัตนพันธ์ ,พ.ต.ต.สุรศักดิ์ พิพิธกุล สว.กก. สส. 3บก.สส.ภ.8 เข้าทำการจับกุม Mr. Philippe Camille G.Olivier อายุ 63 ปี สัญชาติเบลเยี่ยม บ้านพักหลังหนึ่งในตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

การจับกุมครั้งนี้ กก.สส.ภาค 8 ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้สืบสวนติดตามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา กลุ่มเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ทวงหนี้และการรับจำนำรถยนต์รถจักรยานยนต์โดยผิดกฎหมายตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ต่อมา ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลได้กระทำความผิดอันมีลักษณะทำการปล่อยเงินกู้ให้ประชาชนทั่วไปกู้ยืมเงินซึ่งประชาชนที่สนใจจะกู้ยืมเงินได้โดยลักษณะให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือจะทำการใดอันมีลักษณะเป็นการอำพรางให้กู้ยืมเงิน โดยผู้กู้ยืมเงินต้องนำทรัพย์สิน คือ รถจักรยานยนต์มาให้ผู้กระทำความผิดดังกล่าวยึดถือไว้ การปล่อยกู้ยืมเงินมีลักษณะการทำนิติกรรมสัญญาอำพรางเป็นผู้รับจำนำทรัพย์สินรถจักรยานยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาตและเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดอันเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายพ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรามาตรา 4 และพ.ร.บ.โรงรับจำนำพ.ศ 2505

Advertisement

จากนั้นได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลจังหวัดภูเก็ต ขออนุมัติหมายค้น ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 และได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านในตำบลราไวย์ อำเภอเมืองจังหวัดภูเก็ต พบ Mr.Philippe อายุ 63 ปี สัญชาติเบลเยี่ยม สามารถพูดและฟังภาษาอังกฤษและภาษาไทยได้เข้าใจ โดยรับว่าเป็นผู้เช่าและเป็นผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว ชุดจับกุมจึงได้แสดงหมายค้น และเข้าตรวจค้นหาหลักฐาน ต่างๆ ซึ่ง Mr.Philippe เป็นผู้นำตรวจค้นด้วยตัวเอง พบของกลาง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อและรุ่นต่างๆ จำนวน13 คัน พร้อมกุญแจำรถ 11 ดอก และบัตรประชาชน 15 ใบ

จากการสอบถาม Mr.Philippe ให้การว่า รถจักรยานยนต์ทั้งหมดที่จอดอยู่ภายในบ้านและบริเวณหน้าบ้าน รวมไปถึงที่ว่างด้านข้างติดกับบ้านของตนนั้น ได้มาจากการที่ลูกหนี้มาขอกู้ยืมเงินและได้นำรถจักรยานยนต์มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันไว้จริงและบัตรประชาชนเป็นของผู้กู้ยืมเงิน ที่ได้ยึดไว้เป็นหลักประกัน

ส่วนใหญ่ลูกค้าจะนำรถจักรยานยนต์มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันไว้และขอกู้ยืมเงินคันละ 5,000 บาทถึง 10,000 บาทโดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10-20 ต่อเดือนตามแต่จะตกลงกัน ซึ่งเป็นการคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด โดยจะไม่มีการทำสัญญากู้ยืมเงินเป็นลายลักษณ์อักษรแต่จะยึดบัตรประชาชนของผู้ขอกู้เอาไว้เป็นหลักประกัน

Advertisement

เมื่อมีลูกค้าติดต่อมาขอกู้ยืมเงินจึงจะให้ลูกค้าถ่ายรูปรถจักรยานยนต์และส่งให้มาทาง Messenger ของ Facebook เพื่อประเมินจำนวนเงินที่จะให้กู้ยืมและจะให้ลูกค้านำรถจักรยานยนต์มาที่บ้านเพื่อตรวจสอบรถ และตกลง กันเรื่องการกู้ยืมและการชำระดอกเบี้ย เมื่อตกลงกันได้แล้ว การชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยจะเป็นเงินสดหรือโอนตามแต่จะตกลงกัน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว ผู้ต้องหาพร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image