ป.ป.ส.-ตร.บุกจับผู้ต้องหา ใช้บ้านเป็นแหล่งพักยา ยึดยาบ้า 432,007 เม็ด เคยต้องโทษ3ครั้ง

ป.ป.ส.-ตร.บุกจับผู้ต้องหา ใช้บ้านเป็นแหล่งพักยา ยึดยาบ้า 432,007 เม็ด เคยต้องโทษ3ครั้ง

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เผยถึงความร่วมมือระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ส. และตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ จับกุมผู้ต้องหา มีบทบาทใช้บ้านเป็นแหล่งพักยาเสพติด เพื่อส่งต่อให้ผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมยึดของกลางยาบ้า รวม 432,007 เม็ด เหตุเกิดที่ จ.อุตรดิตถ์

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส.สืบสวนติดตามพฤติการณ์เครือข่ายชาติพันธุ์ในพื้นที่ จ.เชียงราย ที่มีพฤติการณ์ลักลอบส่งยาเสพติดผ่านพัสดุภัณฑ์ไปให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้ และได้มอบหมายให้นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด จัดชุดสืบสวนสืบสวนกระทั่งทราบว่าเครือข่ายดังกล่าวเตรียมจัดส่งพัสดุที่ซุกซ่อนยาเสพติดไป จ.อุตรดิตถ์ จึงติดตามพฤติการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งประสาน ภ.จว.อุตรดิตถ์ ในการสืบสวนขยายผล

กระทั่งวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้รับพัสดุในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ พร้อมของกลางยาบ้า 200,000 เม็ด ซุกซ่อนภายในกล่องพัสดุ 4 กล่อง จากการตรวจค้นร่างกาย พบยาบ้า 7 เม็ด จากนั้นขยายผลตรวจค้นบ้านพัก พบยาบ้าอีก 232,000 เม็ด รวมของกลางยาบ้า 432,007 เม็ด ผู้ต้องหาให้การว่าได้รับการสั่งการจากชายชาว จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเคยต้องโทษจำคุกเกี่ยวกับคดียาเสพติดมาแล้ว 3 ครั้ง ปัจจุบันหลบหนีหมายจับอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด

Advertisement

ชุดจับกุมแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และความผิดฐานสมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์กล่าวว่า ขณะนี้ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ได้อนุมัติหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการจัดส่งพัสดุและผู้สั่งการ โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมบุคคลดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และสำนักงาน ป.ป.ส. จะร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องขยายผลตรวจสอบทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์ต่อไป

Advertisement

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าการกระจายยาเสพติดผ่านระบบขนส่งโลจิสติกส์เอกชน เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมใช้ในการนำส่งยาเสพติดไปยังผู้รับ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งต่ำ โดยตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดร่วมมือกับสถานประกอบการ ขอความร่วมมือจากบริษัทขนส่งพัสดุให้เข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานของการส่งพัสดุ และบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด ทั้งนี้เพื่อให้ในการจับกุมทุกครั้งสามารถรู้ตัวผู้เกี่ยวข้องที่เป็นผู้ส่ง-ผู้รับยาเสพติดอย่างแน่นอน นอกจากนี้ต้องมีการคัดกรองประวัติของผู้ที่จะเข้ามาพนักงาน โดยหากผู้ประกอบการฝ่าฝืน ปล่อยปละละเลยให้มีการขนส่งยาเสพติดผ่านบริษัทของตนเอง จะมีโทษปรับ 100,000 บาท หากกระทำผิดซ้ำก็จะพิจารณาโทษทางอาญา หรือเพิกถอนใบอนุญาต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image