ต้นกล้า เปิดใจ หลังขับชนยายดับ รับเครียดหนัก อยากมอบตัว ยันไม่ได้หนี ตร.คุมแก๊งกระบะช่วยหนีสอบเข้ม
คดีแก๊งรถซิ่ง ระหว่างรถเก๋งซีวิคสีแดงกับรถกระบะดีแม็ก สภาพแต่งซิ่งทั้งคู่ แข่งขันประลองความเร็วบนท้องถนน แล้วเกิดเสียหลักปาดหน้ากันก่อนรถทั้งสองคันจะแถเข้าไปพุ่งชนนางรัตนา บุตรประดิษฐ์ หรือครูแม็ก อายุ 82 ปี ซึ่งเป็นครูเกษียณราชการจนเสียชีวิตนั้น
อ่านข่าว ซีวิคแดงสวมทะเบียน พุ่งชนอดีตครูวัย 82 ดับสลดขณะรอใส่บาตร เผย คนขับ มีหมายจับติดตัว
เมื่อวันที่ 11 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้มีการนำพยาบาลหลักฐานรวบรวมมาจากเมื่อวาน นำมาร่วมประชุมวางในการสืบสวน ในการติดตามตัว นายต้นกล้า คนขับรถเก๋งแดง และแฟนสาว ที่ยังหลบหนี
โดยมีรายงานว่า ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ตำรวจสืบสวนได้มีการนำตัวเจ้าของรถกระบะยี่ห้อนิสสัน บิ๊กเอ็ม สีน้ำเงิน พร้อมพรรคพวกอีก 3 คน ซึ่งเป็นผู้ให้การช่วยเหลือนำนายต้นกล้า และแฟนสาวออกจากจุดเกิดเหตุ มาสอบปากคำตลอดทั้งคืน ซึ่งเบื้องต้น ทั้งหมดให้การอ้างว่า กำลังจะเดินทางไปทำงาน แต่ในระหว่างทาง มาพบว่ามีอุบัติเหตุ จึงเป็นพลเมืองดีลงไปให้การช่วยเหลือก่อนจะได้รับการร้องขอจากนายต้นกล้า ซึ่งขณะนั้น กำลังพยายามดึงตัวแฟนสาวออกมาจากประตูรถฝั่งคนขับ โดยขอให้ช่วยเหลือพาแฟนสาวไปส่งโรงพยาบาล เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่หลัง พร้อมกับร้องขอให้ช่วยเข้าไปหยิบกระเป๋าในรถ ซึ่งมีเอกสารอยู่ภายใน เอาออกไปด้วย จึงรีบให้การช่วยเหลือนำตัวไปส่งรักษายังโรงพยาบาลทันที
แต่ขณะนี้ ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากทั้งหมดให้การอ้างว่า นำตัวนายต้นกล้าและแฟนสาวส่งไปรักษาไกลถึงโรงพยาบาลในจังหวัดอุทัยธานี แทนที่จะเป็นโรงพยาบาลในเขตเมืองนครสวรรค์ แต่ตรงจุดนี้ ทั้งหมดระบุว่า แฟนสาวของนายต้นกล้าเจ็บจริงจนถึงขั้นหลังหัก
ขณะที่ พ.ต.อ.เสฎฐวุฒิ รอดจันทร์ ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ กล่าวว่า ตำรวจชุดสืบสวนยังคงทำงานต่อเนื่องตั้งแต่วันเกิดเหตุ โดยเมื่อคืนระดมกำลังปฏิบัติงานตลอดทั้งคืน คาดว่าจะสามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้ในเร็ววันนี้ ส่วนนายศุภลักษณ์ คนขับรถกระบะ ที่ถูกจับกุมตัวก่อนหน้านี้ ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาไว้ก่อนแล้ว 2 ข้อหา ฐานขับรถประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และขับรถไม่คำนึงขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ซึ่งในส่วนของการตรวจพบสารเสพติดในร่างกายของนายศุภลักษณ์นั้น จะต้องรอผลตรวจจากแพทย์ออกมาเป็นทางการก่อน ถึงจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป
เวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ของนางรัตนา หรือครูแม็ก ที่ต้องมาจบชีวิตอย่างน่าสลดโดยได้พบกับนายนิสิต อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็ก ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมเดินทางมาขอข้อมูลเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมกับแจ้งสิทธิในการให้ความช่วยเหลือในกรณีที่ต้องตกเป็นเหยื่อจากอุบัติเหตุ ส่วนเรื่องคดี ก็ทราบจากตำรวจเช่นกันว่า มีการนำตัวกลุ่มคนที่อยู่ในรถกระบะที่ขับตามมาช่วยเหลือคนขับรถเก๋งและแฟนสาวออกจากจุดที่เกิดเหตุ มาสอบปากคำทั้งหมดแล้ว และให้การอ้างว่า เป็นพลเมืองดีที่ผ่านมาและให้การช่วยเหลือเท่านั้น ซึ่งในเรื่องนี้ ส่วนตัวตนดูแล้ว ไม่เชื่อว่าจะจริงตามคำที่กล่าวอ้าง เพราะดูจากเวลา กลุ่มพวกนี้มาถึงเร็วมาก แถมยังมาก่อนชาวบ้าน และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เสียอีก แต่สุดท้าย ก็ต้องปล่อยให้ทางตำรวจเขาดำเนินการอยู่ดี
ขณะเดียวกัน มีรายงานจากโลกโซเชียลด้วยว่า ได้มีเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ออกมาแสดงตัว ด้วยการโพสต์ระบุว่า ตนเองเป็นหนึ่งในผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปช่วยเหลือนายต้นกล้าและแฟนสาวในวันกิดเหตุ โดยการหยิบหมวกกันน็อกที่บรรจุสิ่งของอะไรบ้างออกที่อยู่ภายในรถออกมา โดยระบุข้อความว่า “ผมไม่ได้พยามปกป้อง คนทำผิดหรือช่วยเหลืออะไรทั้งนั้น ตัวผมก็ไม่ได้ นั่งรถคันนั้นมา แต่ผมได้รับสายโทรศัพท์ ขอความช่วยเหลือ ให้รีบไปตรงนั้น และให้เข้าไปหยิบของในรถ หลายอย่างแต่พี่กู้ภัยในภาพก็ห้ามไม่ให้ ผมเอาออกก่อนตำรวจมา ผมก็เอาเก็บเข้าไปโยนในรถครับ ทำไมไม่เอาภาพตอนเดินกับไปเก็บคืนมาด้วย ตัวผมตกใจ และเครียดมาก แต่ผมโทรแจ้งไปแล้วพรุ้งนี้ผมจะเข้าไป สอบปากคำ ความจริงอย่างชัดเจน บริสุทธิ์ใจครับ”
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบประวัติของ นายต้นกล้า พบว่ามีหมายจับติดตัวถึง 2 คดี เป็นคดียาเสพติดเมื่อปี 2558 ซึ่งถูกจับกุมได้พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 70 เม็ด ส่วนอีกคดี พบว่า เป็นคดีไปก่อเหตุชนแล้วหนี ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ซึ่งทั้ง 2 หมายจับนี้ นายต้นกล้าหนีการประกันตัว จนกระทั่ง มาก่อเหตุซิ่งแข่งรถชนนางรัตนาจนจบชีวิต และยังคงอยู่ในระหว่างการติดตามไล่ล่าตัวของตำรวจนครสวรรค์
ขณะที่เพจ “เจ๊ม้อย v+” โพสต์ข้อความระบุว่า
“น้องต้นกล้า” ที่ขับเก๋งซื่งชนยายที่นครสวรรค์ ทักมาหา บอก ขอพื้นที่ผมบ้างได้มั้ย ?
- ผมขอพื้นที่ ได้มีมุมตอบคำถามสังคมบางครับ น้องผู้หญิงอาการสาหัส ที่ผมต้องพาออกมาคือเจตนาพา น้องไปโรงพยาบาลครับ กระดูกหลังหักเกินครึ่ง
- วันนั้นผู้ใหญ่บ้าน ก็มาที่จุดเกิดเหตุ คือผมบอกพี่ไห้เค้าเอากุญแจกับโทรศัพท์ 1 เครื่องมาให้ผม ผู้ใหญ่ก็เลยตะโกนให้พี่เสื้อส้มไปเอามาให้
- ผมก็อยากไปมอบตัว อย่างที่พี่บอกนะครับ ผมรู้ผมผิดผมไม่เถียงและยอมรับทุกการกระทำของผม
- ผมพ่อแม่ผมท่านสอนมาดีครับ แต่ตัวผมที่ไม่ดีเอง
- พี่ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ ผมมันติดลบมาตั้งแต่ที่ผมใจร้อนแล้วครับ
- ผมเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ แฟนผมก็เจ็บหนัก ผมผมก็อึดอัด และยืนยันว่า ไม่มียาครับพี่
- ผมก็ทำงานครับ แต่งานผมไม่ได้ไปขนยาหรืออะไรผมขอไม่พุดตรงนี้นะพี่ ต้นทุนชีวิตคนเรามันต่างกัน
- ผมแค่ไม่มีที่ยืนเพราะผมไปออกแสงสว่างยืนคุยกันเรื่องผิดถูกไม่ได้ เพราะประเด็นคดีที่ติดตัวผมยังค้างอยู่ไม่จบครับ
- พี่รู้มั้ยครับ ยายที่ท่านเสียเค้าเป็นยายเพื่อนผมเลยนะ ผมจิตตก รู้สึกเคว้งคว้างมาก ผมนี่พูดไม่ออกเลยผมมองหลายเพจแล้วผมเข้าใจนะพี่แต่บางเพจแรงไปครับ ไม่กรองหรืออะไรในความจริงเลย ผมก็เลยเลือกที่จะทักหาพี่เพื่อขอพูดในมุมความจริงที่ผมเจอบางครับพี่
- ส่วนคนที่มาขนของ ผมไม่รู้จักจริงๆ สาบานพี่ว่าผมจะทำไงดี ผมเครียดมากครับ