เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช สมัยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) เลย และเป็นประธานสหกรณ์ตำรวจ ได้ทำโครงการกู้รวมหนี้ของสหกรณ์ โดยให้สมาชิกที่ติดหนี้ธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆ กู้เงินสหกรณ์เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อเป็นหนี้สหกรณ์เพียงแห่งเดียว ป้องกันสมาชิกที่เป็นลูกหนี้ และผู้ค้ำประกันเสี่ยงต่อการถูกสถาบันการเงินฟ้องล้มละลาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการรับราชการ โดยเสนอเงื่อนไขผู้เข้าร่วมโครงการกู้เงินของสหกรณ์ได้ไม่เกินคนละ 4 ล้านบาท และนำเงินที่กู้มาไปลงทุนรวมกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ซึ่งพล.ต.ต.สุทิพย์จะนำเงินที่กู้กับสหกรณ์และเงินของสมาชิกไปลงทุน ในแต่ละเดือนให้ พล.ต.ต.สุทิพย์นำเงินไปผ่อนชำระหนี้ให้สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ของสมาชิก จนปิดยอดหนี้ทั้งหมด มีระยะโครงการ 3 ปี พร้อมมีเงินจ่ายค่าทดแทนแก่สมาชิกร่วมโครงการ 5,000 บาทต่อยอดกู้ 1 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 เป็นประจำทุกเดือน เพื่อนำเงินไปชำระหนี้สหกรณ์ที่คงเหลือ จากที่สหกรณ์หักเงินสมาชิกเป็นรายเดือน จะทำให้ยอดหนี้ของสมาชิกที่ลดลงทุกเดือน เมื่อโครงการครบ 3 ปี พล.ต.ต.สุทิพย์จะคืนเงินให้สมาชิกร้อยละ 50 ของยอดเงินที่เข้าร่วมโครงการ
หากสมาชิกออกจากโครงการก่อนครบกำหนด จะนำเงินไปปิดบัญชีที่สมาชิกเป็นหนี้ให้สถาบันการเงินทันที โดยมีสมาชิกข้าราชการตำรวจร่วมโครงการ 119 นาย มียอดกู้เงินสหกรณ์ 229,476,840 บาท หลังโครงการเริ่มดำเนินตามปกติไม่กี่เดือน พบการโยกย้ายบัญชีของสมาชิกที่ร่วมโครงการ โดยบัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีการจ่ายหนี้เงินกู้สหกรณ์ ทั้งดอกเบี้ยและเงินต้นเป็นเวลานานหลายเดือน สร้างความเดือดร้อนแก่ข้าราชการตำรวจที่เป็นลูกหนี้ และผู้ค้ำประกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากถูกหักเงินเดือนจนหมดในแต่ละเดือน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พล.ต.ต.สุดพิเศษ เอกศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) เลย และประธานสหกรณ์ตำรวจเลยคนปัจจุบัน เปิดเผยว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ เป็นการตกลงและทำโครงการกันเอง สหกรณ์ไม่ได้ทำโครงการ วันนี้สถานะของสหกรณ์ยังดำเนินไปตามปกติ เรื่องนี้ทราบว่าผู้ใต้บังคับบัญชากำลังเดือดร้อน หลังทราบเรื่องได้ตั้งคณะกรรมการเข้าตรวจสอบ และมีผลสรุปออกมาแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ได้ส่งผลการสอบไปให้ ภาค 4 พิจารณาแล้ว ที่สำคัญตนกำลังหาทางเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
“ในวันที่ 28 พฤษภาคม ผมต้องเดินทางเข้าชี้แจงรายละเอียดให้กับผู้บังคับบัญชา ที่กรุงเทพมหานคร หลังกลับมาได้เตรียมนัดสถาบันการเงิน ธนาคารต่างๆ เข้ามาร่วมประชุม ในวันที่ 29 พฤษภาคม เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ต่อไป” พล.ต.ต.สุดพิเศษกล่าว
