เพจดัง แนะเลิกทัศนคติ ทำเพื่อประโยชน์ ปชช. คือภาระ เผย ในแง่การแพทย์ ห้องแอร์ปลอดฝุ่นไม่ช่วยเรื่องสุขภาพ , ปลูกต้นไม้ช่วยลดฝุ่นดีกว่า
เมื่อวันที่ 8 กันยายน เพจ “เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล” ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่อง “ห้องแอร์ปลอดฝุ่น”
#ห้องแอร์ปลอดฝุ่น
เมื่อวานมีข่าวกรณี สภา กทม. มีการพิจารณาโครงการห้องเรียนติดแอร์ปลอดฝุ่น สำหรับเด็ก สำหรับโรงเรียนในสังกัด กทม. ราว 400 โรงเรียน 1,700 ห้อง งบราวๆ 230 ล้านบาท สภา กทม. มีมติ ตัดงบส่วนนี้ออกไป
โดยมีข้อสรุป หรือ ความเห็นจาก สก. ที่เผยแพร่ออกมาจาก สื่อ ค่อนข้างหลากหลาย
ที่ฟังดู อีหยังวะ ก็มี ที่ฟังดูมีเหตุผลก็มี เอาที่มีเหตุผลที่สุด เท่าที่อ่านเจอมา คือ เรื่องการประเมินงบ ที่ค่อนข้างไม่เหมาะสม ที่ว่า การตั้งสเป็คของเครื่องปรับอากาศที่เกินความจำเป็น หรือ เหมาสเป็คแบบเดียวทั้ง 1,700 ห้อง
ทั้งที่แต่ละโรงเรียนไม่น่าจะเหมือนกันหมด รวมถึงว่าไม่มีรายละเอียดโครงการมากพอ
โดยย้ำว่าเห็นด้วย ในหลักการ แต่ความอีหยังวะ ของเรื่องนี้ก็คือ ท่าน สก. ที่ให้เหตุผลที่ฟังดูมีน้ำหนักนี้ ในคลิป ที่ท่านอภิปรายในสภา ที่มีการเผยแพร่ออกมา
ส่วนหนึ่งในการอภิปรายท่านกลับบอกว่า “เด็กสังกัดกรุงเทพมหานครนั้น ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ไม่ได้รวย
เวลากลับไปอยู่บ้านไม่ได้นอนห้องแอร์
ท่านอย่าลืมอย่าลืมคิดตรงนี้ เพราะว่าเงินงบประมาณต่างๆ นั้น มันเป็นสิ่งที่สำคัญ แล้วเราจะเอาโรงเรียน กทม. ไปเปรียบเทียบกับโรงเรียนของเอกชนไม่ได้
ที่บอกว่าต้องติดแอร์ทุกห้อง เพราะอะไร อันนั้นพ่อแม่เขาพร้อม มีความพร้อมมีเงิน เชื่อว่าลูกของท่าน สก.หลายท่านหลายคน ที่อยู่ในห้องนี้ ท่านผู้บริหารเอาลูกไปเรียนอยู่ที่โรงเรียนเอกชน ใช่ลูกท่านอยู่ในห้องแอร์ได้เพราะอะไร ท่านจ่ายค่าเทอมเท่าไหร่ แต่อย่าลืมนะกรุงเทพมหานครของเรา เรียนพรี เรียนดีอย่างคุณภาพ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ค่าใช้จ่ายค่าไฟตรงนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ”
อันนั้นเป็นเรื่องการบริหาร ผมคงให้ความเห็นมากไม่ได้ เพียงแค่สงสัยว่า ถ้าเห็นด้วยในหลักการ น่าจะมีกระบวนการ เห็นควรอนุมัติ แต่เสนอแก้ไข ในส่วนรายละเอียดกัน ไม่ได้เหรอ แทนที่จะตีตกไปเลย ซึ่งโครงการจะล่าช้าไปเป็นปี
เอาล่ะ ในแง่ทางการแพทย์ มีความเห็นที่ต้องเห็นแย้งที่สำคัญก็คือ ความเห็นในทำนองนี้ ครับ
– การทำห้องแอร์ปลอดฝุ่นไม่ช่วยเรื่องสุขภาพ
– จะลดฝุ่นให้ปลูกต้นไม้ในโรงเรียนดีกว่า
– ไม่คุ้มค่า
มีทั้งถูกทั้งผิดนะครับ กรณีนี้เราพูดถึงเด็กเล็ก เด็กอนุบาลนะครับ ถ้าใครมีลูกเล็กจะรู้ หรือ หมอที่ตรวจเด็กจะรู้ว่า เวลาเปิดเทอมเมื่อไหร่ เด็กๆ จะป่วยกันเยอะ เพราะสภาพสุขอนามัยในโรงเรียน หวัด น้ำมูกมาแน่ ไม่ต้องห่วง
ปัจจุบันก็ RSV ตอนนี้ก็ไข้หวัดใหญ่ กลุ่มนี้คือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ซึ่งในกรณีเหล่านี้ สภาพห้องเรียนที่ติดแอร์ อาจจะเอื้อต่อการกระจายเชื้อมากกว่า ห้องเปิดโล่ง ที่มีอากาศถ่ายเท อากาศไหลเปลี่ยนผ่านตลอดเวลา
ดังนั้น ในแง่นี้ ห้องแอร์อาจไม่ดีต่อสุขภาพเด็กจริง ตามที่ ท่าน สก. อภิปราย แต่ในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมา
ในบ้านเรามีปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ตามชื่อโครงการคือ ห้องแอร์ปลอดฝุ่น แสดงว่าเป้าหมายจะเป็นเรื่องนี้
ก็ต้องบอกว่า ห้องแอร์ ห้องปิด
แม้จะกันฝุ่น PM 2.5 ไม่ได้ทั้งหมด แต่จะลดปริมาณของฝุ่นลงได้จริงครับ (ถ้าเพิ่มเครื่องฟอกอากาศเข้าไปด้วยจะดีมาก)
การปลูกต้นไม้ ไม่ได้ช่วยอะไรในเรื่องนี้นะครับ การติดแอร์ ทำห้องปลอดฝุ่นสำหรับเด็กเล็ก มีเหตุมีผล สมควรอย่างยิ่ง เพราะเรารู้ มีข้อมูลรองรับมากพอแล้วว่า PM 2.5 นั้นมีผลกระทบระยะยาว กับระบบทางเดินหายใจไปจนถึงสมองเลย
ระยะยาว ไม่ได้แปลว่า ไม่ต้องรีบแก้ แต่ระยะยาวแปลว่า มันยังไม่เห็นผลเสียชัดๆ วันนี้ แต่มีแน่ในวันข้างหน้า เพราะฉะนั้นควรแก้ไข สำหรับผมคุ้มแน่ คนที่บอกว่า ไม่คุ้มนี่เอาอะไรมาเป็นตัววัด
บ้านคนพูดติดแอร์ไหม แล้วมันคุ้มไหม?
อย่างไรก็ดี ก็ต้องมีกลยุทธ์ในการใช้ ไม่ใช่เปิดแอร์ตลอด ในฤดูฝน ช่วงที่มีการแพร่ระบาด ของไข้หวัด RSV ไข้หวัดใหญ่ ก็คือช่วงนี้ PM 2.5 ก็น้อยพอดี แบบนี้ไม่ต้องเปิดก็ได้ หรือเปิดเฉพาะช่วงที่อากาศร้อนมาก
เที่ยงถึงบ่าย ก็ว่ากันไป เพื่อความประหยัด ของหลวง ทุกคนเข้าใจได้ว่าต้องประหยัด แต่ช่วงที่ ค่า PM สูง ฤดูแล้ง แบบนั้นก็เปิดไปเลยปลูกต้นไม้ เอาต้นไม้มาแขวนไม่ช่วยนะครับอันนี้ต้องเข้าใจด้วย
สุดท้าย กรุณา เลิกทัศนคติที่ว่า อะไรที่ทำเพื่อประโยชน์ประชาชน เป็นภาระ เสียที
ไม่กี่วันก่อน กทม.เพิ่งแถลงว่าจัดเก็บภาษีได้เพิ่มมากขึ้นอยู่เลยภาษีนั่นก็เก็บจากประชาชนทั้งนั้น
เจอวิพากษ์หนัก จนต้องออกมาแจงยิบ! สำหรับ #สภากรุงเทพมหานคร ที่ปัดตกโครงการ ‘ห้องเรียนปลอดฝุ่น’ ในการประชุมวานนี้ 6 กันยายน 2566 ยืนยัน เห็นด้วยกับโครงการ แต่ไม่เห็นด้วยกับ ‘วิธีการ’ ที่เสมือน ‘ตีเช็คเปล่า’
.
ส.ก.หลากหลายเขต ลุกอภิปรายเดือด เชือดเฉือนด้วยคอมเมนต์และข้อมูล
.… pic.twitter.com/jxW1n39iBB— Matichon Online (@MatichonOnline) September 7, 2023