เพาะกายไทยตบเท้าเข้าแคมป์ลุย3ศึกใหญ่ – อดีตนักยิมฯ’ราชวัตร’ร่วมล่าแชมป์โลกด้วย

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ทัพนักกีฬาเพาะกายทีมชาติไทย ตบเท้าเข้าแคมป์รายงานตัวทีมชาติไทย ที่เอ็นเค ฟิตเนส เซนเตอร์ ไอที สแควร์ หลักสี่ พลาซ่า โดยมีนายศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานรับรายงานตัวและให้โอวาท

การรายงานตัวดังกล่าวมี 58 นักเบ่งกล้ามร่วมเข้าแคมป์เพื่อเตรียมลุย 3 ศึกใหญ่ในปี 2561 ประกอบด้วย เพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์อาเซียน 2017 ที่ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 25-31 มิถุนายน / เพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 52 ที่ประเทศอินเดีย เดือนสิงหาคม / เพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 10 ที่เซ็นทรัล พลาซ่า แอร์พอร์ต จ.เชียงใหม่ เดือนธันวาคมนี้

สำหรับนักกีฬาเพาะกายชุดชชิงแชมป์อาเซียน ที่กัมพูชา นำโดย จุฬา ทองเรียม, ณรงค์ศักดิ์ พันธุศักดิ์, สัตตบงกช ซิมเม็น ฯลฯ ส่วนเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์เอเชีย ที่อินเดีย นำโดย ขุนตาล พวงเพชร และดำรงศักดิ์ สร้อยศรี ฯลฯ ส่วนศึกชิงแชมป์โลก ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ปลายปีนี้นั้น นักกีฬาไทยที่เรียกมาเก็บตัวประกอบด้วย กัญญาภัทร ศิริพรรค, ชิดชนก อภิชาติบวรวงศ์, ธนัญญา แซ่โง้ว, พรชนก ปลื้มจิตร, ภาณุพงศ์ ประทีป, “นัด” ราชวัตร แก้วปัญญา อดีตนักยิมนาสติกทีมชาติไทย ที่จะลงแข่งในรุ่นความสูงไม่เกิน 170 ซม., วันวิสา สังขริม, สหรัฐ เคลือบมาศ, สาคร มาตรวัดแสง, สิทธินาจ รังสิศิริไพบูลย์, สุรศักดิ์ ปานเรือง, อภิชัย วันดี และอรรถพล โพธิ์ไฮ

นายศุกรีย์ เปิดเผยว่า วันนี้มีนักกีฬามารายงานตัว 58 คนเพื่อเตรียม 3 ศึกใหญ่ทั้งอาเซียน, เอเชีย และชิงแชมป์โลก ในอดีตที่ผ่านมาเรามีนักกีฬาให้เลือกน้อยมาก แต่ปัจจุบันมีคนหันมาเล่นเพาะกายกันเยอะจึงมีตัวเลือกมากขึ้น ขอยืนยันว่าทุกคนมีสิทธิจะติดทีมชาติเท่ากันทุกคน ขณะเดียวกันจากการไปประชุมสหพันธ์เอเชียล่าสุดนั้น สหพันธ์ให้ความสำคัญกับกลุ่มนักกีฬาเพาะกายคนพิการ จึงเป็นปีแรกที่จะริเริ่มให้มีแข่งขันรุ่น “สเปเชียล” ขึ้นด้วย โดยจะจัดแข่งขันครั้งแรก ที่เมืองปูเน่ ประเทศอินเดีย

Advertisement

นายศุกรีย์กล่าวต่อว่า สมาคมกำลังเล็งอยู่ว่าจะเพิ่มรุ่นแข่งขันในศึกอาเซียน ที่กัมพูชา จากเดิมวางไว้ 18 คน คนที่ได้อันดับ 1 และ 2 จะได้สิทธิไปแข่งศึกเอเชีย ที่ประเทศอินเดีย นอกจากนี้สหพันธ์เพาะกายฯ ยังกำลังประสานกับประเทศฟิลิปปินส์เพื่อขอให้บรรจุเพาะกายกลับเข้าชิงชัยในซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ค.ศ.2019 หลังจากห่างหายไป 2 ครั้งหลังสุดที่สิงคโปร์ และมาเลเซีย แต่หากพลาดไปในครั้งที่ 31 ที่กัมพูชานั้น จะมีแข่งขันอย่างแน่นอน

“ศึกชิงแชมป์โลกที่ไทยเป็นเจ้าภาพนั้นจะเป็นเวทีพิสูจน์ฝีมือนักเพาะกายไทยอีกครั้ง โดยผมกำลังคิดว่าจะส่งนักกีฬาไทยลงแข่งให้ครบ 52 รุ่นที่จัดด้วย โดยหวังไว้ว่านักเพาะกายไทยจะประสบความสำเร็จในศึกชิงแชมป์โลกหนนี้” นายกเบ่งกล้ามไทยกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image