คอลัมน์ เกรียนเขียนบอล : ตัวร้ายที่รักทีม

ถึงแม้ว่าคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจะมีเกมแดงเดือดระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล แต่เกมกลับไม่แซ่บเหมือนชื่อ เพราะเสมอกันไปแบบไร้สกอร์ กลัวแพ้ทั้งคู่

อย่างไรก็ตามความแดงเดือดมันอยู่ที่รอบชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ ระหว่าง เมาริซิโอ ซาร์รี่ กับ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ต่างหาก

เกมคาราบาวคัพ เชลซี แพ้จุดโทษ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-4 เสมอในเวลา 120 นาที 0-0 ถือว่าสู้กันได้สนุก แต่พฤติกรรมของเกปา นายทวารเชลซี กลับทำให้แสงไฟสาดส่องมาที่เขาเต็มๆ ขโมยซีนทุกเหตุการณ์ไปหมด

ก่อนหมดเวลา 120 นาที ซาร์รี่ทำการเปลี่ยนตัวเกปาออก เพราะดูแล้วว่ามีอาการบาดเจ็บ แล้วส่ง วิลลี่ กาบาเญโร่ นายทวารมือสองลงไปเซฟจุดโทษแทน แต่ผู้รักษาประตูสเปนกลับไม่ยอมออกจากสนาม ดึงดันอยู่ตรงนั้น จนซาร์รี่ฉุนขาด อย่างไรก็ตาม เกปาก็ยังได้ทำหน้าที่ในการดวลจุดโทษ ถึงจะเซฟได้ 1 ลูก แต่เพื่อนร่วมทีมกลับยิงแย่ พ่ายไปและชวดแชมป์

Advertisement

เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า เกปาไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่ฟังคำสั่งของผู้จัดการทีม และมั่นใจในตัวเองมากเกินไป แต่เจ้าตัวก็ออกมายอมรับว่า ไม่ใช่การไม่เคารพผู้จัดการทีม แต่เป็นความเข้าใจผิดกันว่าตัวเขาเจ็บ แต่เมื่อทีมแพทย์ได้เข้ามาดูอาการแล้วไปบอกกับซาร์รี่ว่าพร้อมเล่นต่อ แต่กลับยืนยันการเปลี่ยนตัวเหมือนเดิม

ขณะที่ซาร์รี่เองก็ออกมาปกป้องเกปาออกสื่อว่า นายทวารสเปนตัดสินใจถูกที่จะอยู่ในสนามต่อ ทุกอย่างเกิดจากความเข้าใจผิดล้วนๆ แต่หลังจากนี้จะต้องมีการคุยกันอีกครั้ง

การให้สัมภาษณ์ของซาร์รี่คงเป็นเพียงการไม่ราดน้ำมันลงบนกองไฟ และน่าจะมีการลงโทษกันหลังจากนี้ เพราะไม่ว่าจะเล่นต่อได้หรือไม่ การแสดงออกถึงความดื้อดึงของเกปาในวันนั้น ทำให้สปิริตในทีม ความไว้เนื้อเชื่อใจกันของเขาและซาร์รี่ดูจะลดน้อยถอยลงไปมาก

Advertisement

เชลซีอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนักในช่วงหลัง ซาร์รี่ก็เหมือนจะนับถอยหลังเวลาในการทำหน้าที่ผู้จัดการทีมสิงโตน้ำเงินครามอยู่แล้ว ต้องบอกว่าไม่แปลกที่จะแพ้แมนฯซิตี้ เพราะก่อนหน้านี้ซิตี้ก็ถล่มแหลกมา 6-0 การแพ้ในการดวลจุดโทษ ไม่ถือเป็นเรื่องน่าเกลียด

ซาร์รี่บอกว่า เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นของลูกทีมในหลายเกมหลัง ทุกคนเล่นตามแทคติคที่วางไว้ ทำให้รู้สึกได้ว่า ไม่มีใครอารยขัดขืนกับการทำหน้าที่ของตัวเอง

เหมือนกับว่าซาร์รี่กำลังแก้ปัญหาในทีมอยู่ แต่เมื่ออะไรๆ กำลังดีขึ้น ก็มีปัญหาใหม่ตามมา เหมือนเป็นการตอกย้ำว่า เขาเอาทีมไม่อยู่ แม้จะยังไม่ชัดว่านักเตะเล่นไล่โค้ชเหมือนที่โชเซ่ มูรินโญ่ เคยโดนหรือไม่

ว่ากันจริงๆ แล้ว เกปาอาจจะรักทีมและทุ่มเทเกินร้อย แต่ต้องบอกว่าผิดกาลเทศะไปเยอะ

บทสรุปตอนนี้ คือ เกปากลายเป็นผู้ร้าย เพราะไม่ฟังโค้ช ส่วนซาร์รี่ก็เหมือนผู้ใหญ่ที่เด็กไม่เคารพ แต่บทสรุปในขั้นถัดไป น่าสนใจว่าอนาคตของเกปากับเชลซีจะเดินไปทางไหน แต่บอกตรงๆ ว่า อนาคตของซาร์รี่กับเชลซีจะจบลงก่อนเกปาแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image