‘ไทยลีก’ ยังยึดโปรแกรมตามเดิม แม้ศบค.ปลดล็อคพื้นที่สีแดงเข้มแล้ว
ความเคลื่อนไหวการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 1-2 ที่จะเริ่มกลับมาแข่งขันตั้งแต่วันที่ 3 กันยายนนี้เป็นต้นไป โดยมีข้อจำกัดว่า จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ไม่สามารถมใช้สนามกีฬาได้ ต้องหาสนามสำรอง หรือสลับสนามกับคู่แข่งก่อน กรณีที่คู่แข่งไม่ได้อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้มเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามจากการประกาศล่าสุดของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มปลดล็อคกิจการต่างๆ ทำให้จังหวัดสีแดงเข้มนั้นมีสิทธิที่จะกลับมาจัดการแข่งขันในบ้านตัวเองได้แล้วนั้น
ล่าสุด “บิ๊กแชมป์” นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไทยลีก จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากประกาศของศบค.นั้น ไทยลีกได้เรียกสโมสรประชุมแบบออนไลน์ในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ เพื่อสอบถามความเห็นของแต่ละสโมสร และตัดสินใจอย่างไรกับโปรแกรม สนามแข่งขัน ที่คลอดออกมาแล้ว จะเปลี่ยนหรือไม่ หรือจะคงตามเดิม เพราะหลังจากออกโปรแกรม อาจมีสโมสรที่วางแผนเดินทางกันไว้แล้ว อาจไม่สะดวกหากสลับโปรแกรม ซึ่งให้เป็นไปตามข้อตกลงของคู่แข่งขัน ไทยลีกยินดีอำนวยความสะดวก
อย่างไรก็ตาม นายกรวีร์ กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันสัปดาห์แรก 3-4-5 กันยายน จะต้องเป็นไปตามกำหนดเดิม สนามเดิมตามที่ประกาศออกมาแล้ว ซึ่งมีบางทีมที่ต้องสลับสนามเหย้า หรือไปหาสนามสำรอง เนื่องจากเวลากระชั้นชิดเกินไป ปลดล็อกวันที่ 1 กันยายน ต้องมีขั้นตอนขออนุญาตคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอีก
“ส่วนสัปดาห์ต่อไป ก็จะคุยกันว่าคู่แข่งขันแต่ละคู่สะดวกอย่างไร ทีมสีแดงเข้มอยากกลับมาจัดในบ้านตัวเองหรือไม่ พอประชุมแล้วก็จะออกโปรแกรมใหม่ เพราะมีผลต่อเนื่องหลายอย่างที่ต้องวางแผนล่วงหน้า นอกจากเรื่องของคู่แข่งขัน ยังมีเรื่องการดำเนินการถ่ายทอดสด, รถโอบี, การเลือกคู่ถ่ายทอดสด, ติดป้ายในสนามแข่งขัน”
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ อนุญาตให้จัดแข่งขันแบบมีผู้ชมจำกัดจำนวน 25 เปอร์เซ็นต์ของความจุสนาม นายกรวีร์ กล่าวว่า ตอนนี้ก็มีอีกหลายทีม ที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม ขออนุญาตคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อให้แฟนบอลเข้าสนามได้ นอกจาก บุรีรัมย์ ที่ได้อนุญาตแล้ว ก็มี ขอนแก่น ซึ่งก็จะได้ทั้ง ขอนแก่น ยูไนเต็ด และ ขอนแก่น เอฟซี, ตราด ก็เชื่อว่าจังหวัดรอบนอก ที่ไม่ใช่พื้นที่สีแดงเข้ม จะทยอยขออนุญาต เพราะเป็นคำสั่งจาก ศบค.ใหญ่ ว่าสามารถเปิดให้แฟนบอลเข้าชมจำกัดจำนวนได้
“ก่อนหน้านี้เราออกระเบียบว่า แข่งแบบปิด ทุกสนามไม่ให้แฟนบอลเข้าชม ก็อาจเป็นการคิดมากเกินไป เพราะหวั่นว่าจะเกิดการแพร่ระบาด แต่เมื่อคำสั่ง ศบค.ใหญ่ อนุญาตให้จังหวัดที่ไม่ได้อยู่สีแดงเข้ม มีแฟนบอลได้ ก็เป็นเรื่องดี”
นายกรวีร์ กล่าวว่า ส่วนตัวแล้ว คิดว่าเป็นผลดีกับภาพรวมของลีก ที่ให้คนดูเข้าสนาม ซึ่งก็จะมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอยู่แล้ว การที่จะรอให้ทั้ง 16 สโมสรในลีก ปลดล็อกแฟนบอลเข้าสนามได้พร้อมกันทั้งหมดก็คงไม่ได้ พื้นที่ไหนที่ได้รับอนุญาตก็จะต้องทยอยเปิดให้แฟนเข้าชมไปก่อน โดยในวันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม มีการประชุมสโมสรไทยลีก ก็จะสอบถามสถานการณ์แต่ละสโมสรต่อไป
