ขนส่งฟาดกรอบดีเซล 33 บาท กระทบมหาศาล-ไม่เหมาะสมภาวะศก.

ขนส่งฟาดกรอบดีเซล 33 บาท กระทบมหาศาล-ไม่เหมาะสมภาวะศก.

นายศุภศักดิ์ รุ่งเจิดฟ้า ที่ปรึกษาสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากกรณีรัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลในกรอบไม่ให้เกินราคา 33 บาทต่อลิตร เบื้องต้นต้องบอกว่าเป็นระดับราคาที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน เนื่องจากราคาน้ำมันมีการปรับลดลงต่ำช่วง 29-30 บาทต่อลิตรแล้ว ทำให้การปรับขึ้นมาอีกภายใต้กรอบ 33 บาทต่อลิตร จะส่งผลกระทบอย่างมหาศาล ต่อทั้งผู้ประกอบการที่มีน้ำมันเป็นต้นทุนหลัก รวมถึงประชาชนที่ใช้รถยนต์เป็นพาหนะในชีวิตประจำวันด้วย เนื่องจากหากมีการปรับราคาน้ำมัน เท่ากับต้นทุนจะเพิ่มขึ้น ก็ต้องมีการปรับราคาขึ้นของทั้งสินค้าและบริการด้วยแน่นอน

นายศุภศักดิ์ กล่าวว่า ในวันที่ 15 พฤษถาคมนี้ สมาคม และสหพันธ์ จะมีการหารือร่วมกับผู้ประกอบการครั้งใหญ่ ถึงเรื่องกรอบราคาน้ำมัน และการปรับราคาขึ้นต่อไปในอนาคต เพราะประเมินภาพแล้วพบว่ามีผลกระทบสูงมากต่อธุรกิจขนส่ง และการใช้ชีวิตประจำที่จะมีต้นทุนแพงขึ้นของทั้งสินค้าและบริการแน่นอน โดยยืนยันว่าผู้ประกอบการไม่มีความคิดในการเอาเปรียบผู้บริโภคแน่นอน ซึ่งการที่รัฐบาลจะปรับราคาขึ้นเป็นเพราะเงินกองทุนน้ำมันไม่เพียงพอแล้ว ส่วนนี้มองว่ารัฐบาลต้องแจกแจงรายละเอียดและจุดประสงค์ในการใช้เงิน ว่าใช้ไปกับอะไรบ้าง กองทุนน้ำมันก็ควรใช้กับน้ำมันเฉพาะ ไม่ใช่ใช้กับอย่างอื่นร่วมด้วย ซึ่งการทำแบบนี้มองว่าไม่ถูกต้อง

“การปรับราคาน้ำมันขึ้น 3 บาท เท่ากับต้นทุนจะเพิ่มขึ้นกว่า 9% ซึ่งเวลาเติมน้ำมันไม่มีใครเติมแค่ลิตรสองลิตรอยู่แล้ว ทำให้การปรับขึ้นของราคากว่า 9% ส่งผลต่อเงินในกระเป๋าสูงมาก จริงๆ เราไม่อยากปรับราคาขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ การปรับราคาขึ้นทุกคนก็เดือดร้อนกันหมด ทั้งผู้ประกอบการทั้งลูกค้า แต่หากต้นทุนปรับขึ้นจริงก็ต้องปรับราคาขึ้นตาม ไม่อย่างนั้นผู้ประกอบการก็อยู่ไม่ได้ เพราะปัจจุบันส่วนต่างการทำธุรกิจขนส่งต่ำมาก กำไรที่ได้คืนมาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ” นายศุภศักดิ์ กล่าว

นายศุภศักดิ์ กล่าวว่า นับตั้งแต่กลางเดือนเมษายน ที่ผ่านมา สมาคมฯ อยู่ระหว่างประสานส่งหนังสือขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการตอบรับใดออกมา รวมถึงกระทรวงพลังงานด้วย ที่ไม่มีความคืบหน้าในการสื่อสารหารือกับภาคเอกชน จึงอยากฝากถึงรัฐบาลให้มองเห็นความเดือดร้อนของประชาชน และเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้งหลักในการทำงาน ไม่ใช่ทำเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา เพราะการทำงานของรัฐบาลปัจจุบันในตอนนี้แทบไม่แตกต่างกันแล้ว แม้ว่าเราจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งก็ตาม โดยมองว่าการเงียบของรัฐบาลที่ไม่ตอบรับในการฟังเสียงของประชาชนและผู้ประกอบการ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

Advertisement

นายศุภศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้เราควรที่จะพิจารณาต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศไทยอย่างแท้จริงแล้ว ว่าต้นทุนจริงๆ ของน้ำมันที่ขายกันอยู่นี้ มีต้นทุนที่เท่าใด การตั้งราคาแบบนี้เหมาะสมหรือไม่ เพราะต้นทุนน้ำมันมีการประเมินจากต่างประเทศด้วย อาท สิงคโปร์ ตั้งไว้ที่เท่าใด ทำไมไม่ตั้งจากต้นทุนแท้จริงในโรงกลั่นว่าอยู่เท่าใด บวกกำไรค่าการกลั่น ค่าการตลาด ควรอยู่ที่เท่าใด เราเข้าใจว่าการทำธุรกิจก็ต้องการกำไรกลับคืนมา เราไม่ว่ากัน แต่ไม่ใช่เป็นการคิดกำไรหลักแสนล้านบาท ภายใต้ความเดือดร้อนของประชาชนในประเทศแบบนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image