เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานประชุมร่วมกับกรมการขนส่งทางบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ (TAXI) เบื้องต้นมีการออกมาตรการ 5 ข้อ 1.กวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด 2.ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบถึงวิธีการและขั้นตอนที่เหมาะสมในการโดยสารรถแท็กซี่ 3.หากผู้ขับขี่รถแท็กซี่กระทำความผิดอาญาหรือทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างรุนแรงจะถูกดำเนินคดีและเพิกถอนใบอนุญาตทันที 4.จัดทำระบบเชื่อมโยงข้อมูลการจับกุมเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานหากพบการกระทำความผิดซ้ำและอัพเดตระบบเป็นประจำ และ 5.ติดตามผลการปฏิบัติงานทุกวันที่ 5 ของเดือน (เริ่ม 5 มีนาคม) โดยจะเริ่มดำเนินการใน 6 พื้นที่ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง จังหวัดภูเก็ต พัทยา และเกาะสมุย
พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยว่า เป็นการวางมาตรการแก้ไขปัญหารถแท็กซี่กว่า 130,000 คันทั่วประเทศ ที่นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วง เนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวไทยและต่างชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังการหารือครั้งนี้จะมีการลงนามในข้อตกลงร่วมกันเพื่อรับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหา
ขณะเดียวกัน ผบ.ตร.กล่าวว่า ปัญหาแท็กซี่กับคนมีสีหรือผู้มีอิทธิพลในพื้นที่สมุยและเชียงใหม่ ได้กำชับและจัดการปัญหาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 แล้ว แต่พอทิ้งช่วงเวลาสักระยะอาจจะหย่อนบ้าง แต่ในพื้นที้ กทม.ไม่น่าจะมีปัญหาของคนมีสีแต่อย่างใด พร้อมฝากถึงผู้ขับขี่รถแท็กซี่ว่าอาชีพนี้เป็นหน้าตาของประเทศในการต้อนรับนักท่องเที่ยว และสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมายังประเทศไทย
ทั้งนี้จากสถิติในปี 2558 ที่ผ่านมา มีประชาชนร้องเรียนปัญหารถแท็กซี่ผ่านสายด่วนศูนย์คุ้มครองผู้โดยสาร และเรื่องร้องเรียนกรมการขนส่งทางบก สายด่วน 1584 กว่า 43,000 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ถึงร้อยละ 50 และปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนอันดับหนึ่งคือ การปฏิเสธผู้โดยสาร มีมากถึง 22,000 ราย และยังมีพฤติกรรมอื่นๆ ที่ถูกร้องเรียนด้วย อาทิ แสดงกริยาวาจาไม่สุภาพ ขับรถประมาท ทิ้งผู้โดยสาร ปรับแต่งรถหรือมิเตอร์ให้ค่าโดยสารเพิ่มขึ้นเกินจริง
ขณะที่มีข้อมูลว่ากรมการขนส่งทางบกได้กวดขันจับกุมรถโดยสารสาธารณะที่กระทำความผิดโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีปัญหาทั้ง 6 แห่ง ซึ่งมีการกำหนดมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ด้วยการลงโทษผู้กระทำผิดในอัตราโทษสูงสุดทุกกรณี พร้อมส่งตัวเข้าอบรมเพื่อสร้างจิตสำนึกการให้บริการทุกราย และตั้งแต่เดือน เมษายน 2557-ธันวาคม 2558 ได้มีการเพิกถอนใบอนุญาตผู้ขับขี่แล้วจำนวน 4 ราย และสั่งพักห้ามใช้ใบอนุญาต 236 ราย
