บุรีรัมย์ แจง อยากให้บันทึกข้อมูลเพื่อบริหารวัคซีน ชี้ผู้ไม่ประสงค์ฉีดอาจมีมาตรการเข้ม ไม่ให้ออกนอกสถานที่

จากกรณี คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ออกหนังสือคำสั่งให้ประชาชนทุกคน ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ที่มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ หรือบุคคลที่มาปฏิบัติงานในจังหวัดบุรีรัมย์ และหรือพักอาศัยในจังหวัดบุรีรัมย์ ทำการประเมินตนเองตามแบบประเมินความเสี่ยงโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดบุรีรัมย์ ต่อ อสม.ในชุมชน/หมู่บ้าน

โดยกระบวนการ อสม.เคาะประตูบ้าน หรือผ่านระบบออนไลน์ ในฐานข้อมูลกลางจังหวัดบุรีรัมย์ สำหรับบริการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือผ่านศูนย์ประสานงานรับบริการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของโรงพยาบาล/โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้าน เกี่ยวกับความเสี่ยงการติดเชื้อ ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.2564 ถึงวันที่ 31 พ.ค. 2564 เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่จัดกลุ่มการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อ ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง มีโทษทั้งจำคุกและปรับ

ส่งผลให้เกิดเสียงสิพากษ์วิจารณ์อย่างรวดเร็ว ตลอดจน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมาระบุในเวลาต่อมาว่า ยังไม่เห็นประกาศ แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดมีสิทธิวางนโยบายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในจังหวัดของตัวเอง

อ่านข่าว : บุรีรัมย์ ออกกฎเหล็ก ปชช. กลุ่มเสี่ยงไม่ฉีดวัคซีนติดคุก
อนุทิน ตอบปมบุรีรัมย์ ใช้ กม.เอาผิดปฏิเสธวัคซีนโควิด ชี้เป็นอำนาจ ผวจ.พิจารณากรอบ กม.

Advertisement

ล่าสุด วันเดียวกันนี้ (14 พฤษภาคม) นายแพทย์พิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์หลักคือต้องการให้ชาวบุรีรัมย์เข้าไปบันทึกข้อมูลใน “BURIRAM IC” ซึ่งเป็นฐานข้อมูลการบริหารวัคซีนของจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงวัคซีน เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันเป็นสถานการณ์โรคติดต่ออันตราย

นพ.พิเชษฐกล่าวว่า หากปล่อยให้ทำตามอำเภอใจ จะฉีดก็ได้ ไม่ฉีดก็ได้ โดยไม่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนได้เข้ามาบันทึกข้อมูลว่าจำนงฉีดหรือไม่จำนงฉีดวัคซีน

นพ.พิเชษฐกล่าวว่า สำหรับผู้ที่ไม่ประสงค์ที่จะฉีดวัคซีน หลังจากนี้จังหวัดบุรีรัมย์อาจมีมาตรการเข้มกว่านี้ เช่น อาจมีกฎข้อบังคับห้ามไม่ให้ออกจากนอกสถานที่ หรืออาจไม่ให้เข้าไปสถานบริการต่างๆ โดยจะขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ หากไม่ได้แสดงบัตรการฉีดวัคซีน ทั้งเป็นมาตรการของจังหวัดบุรีรัมย์ แบบเข้มข้น เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย

Advertisement

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆ พบว่าส่วนใหญ่อยากให้มีการฉีดวัคซีนเหมือนกันทุกคน เพราะไม่อยากระแวงว่าลูกค้าคนใดมีเชื้อโควิดมาด้วยหรือไม่ มีเพียงบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการบังคับให้ฉีดวัคซีน

นายไพทูรย์ พศวีร์ธากุล อายุ 33 ปี ชาว อ.เมืองบุรีรัมย์ อาชีพพนักงานส่งอาหาร บอกว่า ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว เพราะเป็นการบังคับเกินไป และยังไม่รู้ว่าจะปลอดภัยหรือไม่ จึงอยากจะชะลอไปก่อนเพื่อรอวัคซีนที่มีคุณภาพมากกว่านี้ โดยใช้วิธีป้องกันตัวเองเอาจะดีกว่า

ด้าน น.ส.ณทชา อยู่ประพัต ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊อ๋า บอกว่า ได้ไปฉีดพร้อมกับพนักงานตั้งแต่ก่อนจะมีคำสั่ง เพราะคิดว่าถ้าเราปลอดภัย ลูกค้าปลอดภัย ชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมก็จะกลับคืนมาเหมือนปกติ แต่ถ้าฉีดบ้างไม่ฉีดบ้าง จะต้องระแวง ระวังไม่รู้จักจบสิ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image