‘คสช.’จัดหนัก กฎหมาย’เลือกตั้ง’ เพื่อไทย คือเป้า

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือแม้กระทั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะออกมาประสานเสียงปฏิเสธต่อข้อกล่าวหา 2 ข้อใหญ่

1 การเลื่อนการเลือกตั้ง 1 การสืบทอดอำนาจ

เป็นการปฏิเสธตั้งแต่แรกที่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 กระทั่งล่วงเข้ามายังเดือนพฤษภาคม 2560

กระนั้น ดูเหมือนว่าคนจะไม่เชื่อ

Advertisement

อย่าว่าแต่พรรคการเมือง ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนาเลยที่ไม่คล้อยตามไปกับคำปฏิเสธ

หากแม้กระทั่ง ปัญญาชน นักวิชาการ ก็เช่นเดียวกัน

ล่าสุด ก็สัมผัสได้จากการออกมาฟันธงของ ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ถึงการเมืองไทย 4.0 ว่าคณะบริหารชุดนี้มีแนวโน้มจะอยู่ต่ออีกอย่างน้อย 10 ปี

Advertisement

ทำไม

บทสรุป “ร่วม” อย่างเป็นเอกภาพมาจากพื้นฐานอย่างน้อยก็ 2 พื้นฐาน กล่าวคือ 1 พิจารณารัฐธรรมนูญ และ 1 พิจารณาจากกฎหมายลูก

ยิ้มเห็นแก้ม แย้มเห็นไรฟัน

บทเฉพาะกาลที่ยังคงมาตรา 44 อันเป็นมรดกจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 เด่นชัดอย่างยิ่งถึงหลักประกัน

ยังเรื่องการแต่งตั้ง 250 ส.ว.อีกเล่า

ยังเรื่องการเปิดทางให้กับนายกรัฐมนตรี “คนนอก” ยังเรื่องการผ่านกฎเหล็กว่าด้วย พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์แห่งชาติ ตลอดจนการสรรหา “องค์กรอิสระ”

แล้วก็จัดระบบการเลือกตั้งใหม่ ให้ระบบเขตกำกับระบบบัญชีรายชื่อ

เมื่อนำมาพิจารณาร่วมกับการยกร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.และว่าด้วยพรรคการเมืองเข้าไปอีก ก็ชัดเจน แจ่มแจ้ง

เท่ากับเป็นการตระเตรียม “ภูมิทัศน์” การเมืองใหม่

ภูมิทัศน์การเมืองใหม่ตีความออกมาจาก “รัฐธรรมนูญ” และ “กฎหมายลูก” ได้เลยว่าต้องการให้พรรคการเมืองอ่อนแอ แตกกระจาย เป็นเบี้ยหัวแตก

ไม่อยากเห็นเหมือนการเลือกตั้งเดือนมกราคม 2544

ไม่อยากเห็นเหมือนการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ไม่อยากเห็นเหมือนการเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2550 ไม่อยากเห็นเหมือนการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2554

จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคประชาธิปัตย์อย่างนั้นหรือ

ตอบได้เลยว่า ไม่ใช่ เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็อยู่ในเป้าที่จะทำให้กระจัดกระจายอีหรอบเดียวกับพรรคเพื่อไทย กล่าวโดยสรุปก็คือ ไม่ให้มีพรรคขนาดใหญ่

เมื่อไม่มีพรรคขนาดใหญ่ซึ่งกำหนดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และมีมาตรการเข้มในกระบวนการเลือกตั้งก็จะมีแต่พรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก อำนาจของ 250 ส.ว.จึงแข็งแกร่ง กลายเป็นพรรคใหญ่

จากนั้นก็ตกปลาในหนองน้ำขุ่น เอาพรรคการเมืองที่ “รอร่วม” เข้ามาเป็น “หางเครื่อง” โอกาสที่คนนอกจะแหวกเมฆเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีก็เป็นไปได้สะดวก

เรียบโร้ย โรงเรียน “คสช.”

โจทย์การเมืองจาก รัฐธรรมนูญ ประสานเข้ากับการวางรายละเอียดผ่านกฎหมายลูกเช่นนี้ท้าทายต่อแต่ละพรรคการเมืองอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยอันเป็นเป้าหมายใหญ่

เพราะพรรคเพื่อไทยมีโอกาสน้อยกว่าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ในการจะเข้าร่วมในลักษณะเป็น “หางเครื่อง” ให้กับ คสช.

พรรคเพื่อไทยจะแก้เกมนี้อย่างไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image