แนวคิดแบบ มิตรผล สู่ผู้นำด้านความยั่งยืนอันดับ 1 ของโลก

ปัญหาโลกร้อนที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate change) นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เราจึงได้เห็นภาคธุรกิจทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยบรรจุประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมไว้เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของการดำเนินงาน 

เฉกเช่นองค์กรธุรกิจของไทย หนึ่งในนั้นคือ ‘กลุ่มมิตรผล’ ที่แม้จะเป็นที่รู้จักจากการเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของไทย แต่การเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero เพื่อส่งต่อความยั่งยืนจากภาคเกษตรสู่สังคมและสิ่งแวดล้อมนั้น ไม่ง่ายเลย

บนเส้นทางความหวานที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ‘กลุ่มมิตรผล’ ใช้แนวคิดและกลยุทธ์อย่างไร จนก้าวสู่การเป็นองค์กรด้านความยั่งยืนอันดับ 1 ของโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารได้ 

เปิดแนวคิดความยั่งยืนแบบ ‘มิตรผล’

Advertisement

จากภาคเกษตรสู่สังคมและสิ่งแวดล้อม

หากเอ่ยชื่อ ‘มิตรผล’ เชื่อว่าภาพที่หลายคนนึกถึงก็คือ ‘น้ำตาล’ แต่ทราบไหมว่านอกจากการเป็นผู้ผลิตน้ำตาลอันดับ 1 ของไทย และเป็นอันดับ 3 ของโลกแล้ว กลุ่มมิตรผล ยังเป็นองค์กรที่อยู่ในภาคเกษตรอุตสาหกรรมของไทยมานานกว่า 67 ปี โดยเริ่มต้นจากธุรกิจผลิตน้ำตาล พัฒนาสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานทดแทน ธุรกิจวัสดุทดแทนไม้ และธุรกิจไบโอเบส 

ซึ่งกลุ่มมิตรผลมีเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2030 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี ค.ศ. 2050 เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนของประเทศไทยและนานาประเทศทั่วโลก

Advertisement
บรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล
บรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล

“จากการที่กลุ่มมิตรผลเติบโตมาจากภาคเกษตร ทำให้เราตระหนักเป็นอย่างดีว่า ภาคอุตสาหกรรมนี้มีความเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมาก และมีความท้าทายจาก Climate Change บางปีเจอภัยแล้ง บางปีเจอน้ำท่วม ส่งผลโดยตรงต่อปริมาณผลผลิต รายได้ของเกษตรกรในภาคเกษตร รวมถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้วัตถุดิบจากภาคเกษตร เราจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจเพื่อสร้างความยั่งยืนกับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยใช้แนวคิด “ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ” หรือ “Grow Together” ในการดูแลทุกคนมาตั้งแต่เริ่มแรก และปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอ หรืออาจจะเรียกว่าเป็น Sustainability ในแบบของกลุ่มมิตรผล” บรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล กล่าว

องค์กรด้านความยั่งยืนอันดับ 1 ของโลก 

ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร

กลุ่มมิตรผล ดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิด “From Waste to Value Creation” หมุนเวียนเปลี่ยนสิ่งเหลือใช้จากภาคเกษตรสู่อุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งผลลัพธ์จากความมุ่งมั่นยกระดับการพัฒนาที่ยั่งยืนควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ จึงส่งผลให้กลุ่มมิตรผลก้าวสู่การเป็น องค์กรด้านความยั่งยืนอันดับ 1 ของโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร โดยมีคะแนนสูงสุดในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม จากผลการประเมินด้านความยั่งยืน S&P Global Corporate Sustainability Assessment (CSA) Score 2023 ซึ่งมีกว่า 9,400 บริษัททั่วโลกเข้ารับการประเมินใน 62 อุตสาหกรรม และยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในรายงานความยั่งยืน “The Sustainability Yearbook Member 2024” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 อีกด้วย

ก้าวสู่ผู้นำด้านความยั่งยืนอันดับ 1 - มิตรผล

ซึ่ง อุทยานมิตรผลด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี นับเป็นความสำเร็จก้าวแรกที่ตอกย้ำถึงการดำเนินงานที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกลุ่มมิตรผล และได้รับการรับรองให้เป็น คอมเพล็กซ์แห่งแรกในประเทศไทยที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral Complex) จาก องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO เมื่อปีที่ผ่านมา โดยอุทยานมิตรผลด่านช้าง ประกอบไปด้วย 7 โรงงานต่อเนื่องที่เริ่มจากโรงงานน้ำตาล และหมุนเวียนใช้ทรัพยากรที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำตาล ต่อยอดสู่โรงไฟฟ้าชีวมวล อุตสาหกรรมไบโอเบส และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 270,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

นอกจากนี้ กลุ่มมิตรผล ยังมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนโรงงานในกลุ่มมิตรผลให้ก้าวสู่การเป็น Carbon Neutral Complex และ Net Zero ผ่าน 6 แนวทาง ได้แก่ การผลิตและใช้พลังงานทดแทนในกระบวนการผลิต, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้หลัก Bio-Circular-Green โมเดลจากผลผลิตการเกษตร, การส่งเสริมการทำเกษตรสมัยใหม่ ตัดอ้อยสด ลดการเผา, การนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบบำบัดนำเสีย, การขยายพื้นที่ปลูกป่าเพื่อช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ต่อเนื่อง และ การชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ก้าวสู่ผู้นำด้านความยั่งยืนอันดับ 1 - มิตรผล

สำหรับ มิติด้านสังคม กลุ่มมิตรผลมุ่งมั่นส่งเสริมเกษตรกรให้มีทักษะความรู้ สามารถปรับตัวให้เท่าทันสถานการณ์ด้านสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ผ่านการถ่ายทอดแนวทางการทำไร่สมัยใหม่อย่าง “มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม” ส่วน มิติด้านเศรษฐกิจ กลุ่มมิตรผลก็มุ่งพัฒนาการผลิตน้ำตาล สู่พลังงานสีเขียว (ไฟฟ้าชีวมวล และเอทานอล) ด้วยแนวคิดการเปลี่ยนของเหลือใช้ให้เป็นสิ่งที่มีคุณค่า ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่มุ่งใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

ก้าวสู่ผู้นำด้านความยั่งยืนอันดับ 1 - มิตรผล

จากแนวคิด “Grow Together” สู่ความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง ลงมือทำจนเป็นที่ประจักษ์ จึงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า “กลุ่มมิตรผล” ไม่ได้มองเรื่อง “ความยั่งยืน” เป็นเพียงกระแสหรือเทรนด์ที่มาเพียงชั่วคราว แต่คือก้าวสำคัญที่ต้องผสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อสร้างมิติใหม่ในการดำเนินธุรกิจ บนรากฐานของการพัฒนาเพื่อสร้างความยั่งยืน รักษาสมดุลของการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image