| ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
|---|
อาการ การเมือง หัวหน้า ชลน่าน ศรีแก้ว แถลงการณ์ร่วม
เห็น “อาการ” ของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว และ นายสุทิน คลังแสง ณ เบื้องหน้า “ข้อตกลง” อันดำรงอยู่ใน “แถลงการณ์ร่วม” แห่งแลงคาสเตอร์ แล้ว
ทั้ง “เข้าใจ” ทั้ง “เห็นใจ”
เพียงรับทราบว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะร่วมกันผลักดันกระบวนการนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง
การที่ นายสุทิน คลังแสง หน้าถอดสี มิได้เหนือความคาดหมาย
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ออกมาขีดเส้นอย่างหนักแน่นและจริงจังว่าเรื่องนี้จำกัดเพียงประเด็นทางการเมือง
ก็ตระหนักใน “สำเหนียก” และ “สำนึก” อันเป็นตะกอนนอนก้น
เชื่อว่าแม้ทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว และ นายสุทิน คลังแสง จะได้ยินคำไขจาก นายชัยธวัช ตุลาธน ผ่าน “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ”
ก็ไม่น่าจะข่มตาให้ “หลับ” ลงได้อย่างง่ายดาย
ความจริง “เนื้อหา” ในข้อ 4 แห่ง “แถลงการณ์ร่วม” ที่ประกาศ ณ แลงคาสเตอร์ เมื่อตอนค่ำของวันที่ 3 กรกฎาคม
มิได้มีเพียง “นิรโทษกรรม” คดีแสดงออกทาง “การเมือง”
หากยังมีหลาย “ร่างกฎหมาย” อันมีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่ “การปฏิรูปกองทัพ” ในการตัดวงจรแห่ง “รัฐประหาร”
1 คือ ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม
1 คือ ร่าง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก และ 1 คือ ร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร อันเกี่ยวตรงกับ “กอ.รมน.”
ทั้งหมดล้วนอยู่ใน 300 นโยบาย “ก้าวไกล”
ทั้งหมดล้วนกำลัง “เขย่าขวัญ” และสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างสูงให้กับ “กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน” หรือ “กอ.รมน.”
ตัดวงจร “ทหาร” ออกจาก “การเมือง”
การได้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา จากพรรคประชาชาติ มานั่งอยู่ในตำแหน่ง “ประธานสภา” จึงเป็น “ทางออก” สำคัญในทางการเมือง
ทำให้พรรคเพื่อไทยหายใจด้วยความโล่งอก
ขณะเดียวกัน การเห็นชอบด้วยของพรรคก้าวไกลก็ดำเนินไปตามหลักนิยมในเชิงยุทธวิธีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
นั่นคือ “ผู้นำที่ดีต้องรุกได้ ถอยเป็น”
เหมือนกับการถอน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากตำแหน่ง “ประธานสภา” จะเป็น “การถอย” เพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย
แต่เมื่ออ่าน “แถลงการณ์ร่วม” ก็จะเข้าใจ
เข้าใจว่า การถอยของพรรคก้าวไกล การถอยของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ดำรงอยู่อย่างเหลื่อมซ้อนกับการถอยในเชิง “ยุทธศาสตร์”
เรียกตามสำนวนจิ๊กโก๋ยุคก่อน นี่คือการ “รุกถอยหลัง”
หากมองจากความจัดเจนในแบบ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ประสานเข้ากับในแบบ นายสุทิน คลังแสง
เส้นทาง “แถลงการณ์ร่วม” น่าจะเหมือนกับ “บันทึกช่วยจำ”
ในเมื่อ “บันทึกช่วยจำ” สามารถปรับแก้ได้ดังที่ทำมาแล้วเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ไฉน “แถลงการณ์ร่วม” ในวันที่ 3 กรกฎาคม จะจีรังยั่งยืนได้เล่า
ประเด็นอยู่ที่ว่าจะเป็น “รายจ่าย” ของพรรคการเมืองใด
