ความสำเร็จในการระดมทุน 240 ล้านบาท อาจทำให้พรรครวมพลังประชาชาติไทยมีความคึกคัก มั่นใจ ความสำเร็จในการระดมทุน 600 กว่าล้านบาท อาจทำให้พรรคพลังประชารัฐมีความคึกคัก มั่นใจ
มั่นใจที่จะก้าวสู่ “การเลือกตั้ง”
อย่างน้อยก็มั่นใจในเชิงเปรียบเทียบกับการตกอยู่ในภาวะ “ตั้งรับ” อย่างต่อเนื่องของคู่ต่อสู้ในทางการเมือง
ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย
ขณะที่พรรคประชาชาติก็เพิ่งจัดตั้ง ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ก็เพิ่งจัดตั้ง ขณะที่พรรคไทยรักษาชาติก็เพิ่งจัดตั้ง ขณะที่พรรคเพื่อชาติก็เพิ่งจัดตั้ง
ทั้งยังจัดตั้งภายใต้ร่มเงา “รัฐธรรมนูญ” ที่มิได้ DESIGN เพื่อพวกตน
แต่คำถามที่เสนอต่อพรรครวมพลังประชาชาติไทย ก็เช่นเดียวกับคำถามที่เสนอต่อพรรคพลังประชารัฐก็คือ จะเอาอะไรไป “ขาย”
“ผลงาน” อะไรที่จะทำให้ได้ “รับเลือก”
หากมองผ่านพรรคพลังประชารัฐไปยังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องยอมรับว่านอกเหนือจากการพูดทุกวันศุกร์แล้ว
แทบไม่มี “นโยบาย” ที่จะจับต้อง “ได้”
ถามว่าโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงถือเป็นผลงานของรัฐบาลหรือไม่ ถามว่าโครงการบริหารทรัพยากรน้ำถือเป็นผลงานของรัฐบาลหรือไม่
น่าสงสัย
เพราะตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมาก็มีแต่เพียงการวางศิลาฤกษ์ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยที่เป้าหมาย 3.5 กม.ก็ยังไม่ปรากฏ
เพราะตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่เคยกำหนดเอาไว้อย่างเป็นรูปธรรมในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมี นายปลอดประสพ สุรัสวดี รับผิดชอบก็กระจัดกระจายและยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรก็ยังตกต่ำ ขณะที่หนี้สินครัวเรือนก็ทะยานไปไม่ยิ่งหย่อนกว่าหนี้สาธารณะ
ยิ่งหากนำเอาปัญหาของพรรคพลังประชารัฐไปวางเรียงอยู่เคียงข้างกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย คำถามก็ยังอยู่ที่เดิม
คือจะเอา “อะไร” มาเป็น “จุดขาย”
หาก ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล และ นายสุริยะใส กตะศิลา ยังเอาสโลแกน “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ที่กระหึ่มในห้วงก่อนรัฐประหารมาเสนอ คงได้ยินเสียงหัวเราะประสานกันดังสนั่น
เป็นสภาวะอย่างเดียวกับเมื่อมีการเปิดบทเพลง “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา”
5 ปีที่คุยโวโอ้อวดว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้ว แต่ก็ลงเอยด้วยการหว่านกระจายเงินแจกออกไปอย่างกว้างไพศาล นี่แหละหรือคือรูปธรรมแห่งการปฏิรูป นี่แหละหรือคือสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย
จะถือเป็น “จุดขาย”
ถามว่าทุน 240 ล้านบาท ทุน 600 ล้านกว่าบาท จะช่วยได้หรือไม่
ก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 พรรคประชาธิปัตย์เคยจัดเลี้ยงโต๊ะจีนสามารถระดมทุนได้มากถึง 400 กว่าล้านบาท
แต่เมื่อถึงวันเลือกตั้งก็ปรากฏว่า “แพ้”
เป็นความพ่ายแพ้ต่อพรรคเพื่อไทยโดยที่ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคออกมายืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ใช้เงินมากกว่าพรรคการเมืองอื่น
เดือนกุมภาพันธ์ 2562 จะได้คำตอบต่อพลังประชารัฐ รวมพลังประชาชาติไทย