น.3คอลัมน์ : ฮึกห้าว เหิมหาญ จาก พรรคตระกูล ‘พลัง’ ผ่าน 840 ล้านบาท

ความสำเร็จในการระดมทุน 240 ล้านบาท อาจทำให้พรรครวมพลังประชาชาติไทยมีความคึกคัก มั่นใจ ความสำเร็จในการระดมทุน 600 กว่าล้านบาท อาจทำให้พรรคพลังประชารัฐมีความคึกคัก มั่นใจ

มั่นใจที่จะก้าวสู่ “การเลือกตั้ง”

อย่างน้อยก็มั่นใจในเชิงเปรียบเทียบกับการตกอยู่ในภาวะ “ตั้งรับ” อย่างต่อเนื่องของคู่ต่อสู้ในทางการเมือง

ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย

Advertisement

ขณะที่พรรคประชาชาติก็เพิ่งจัดตั้ง ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ก็เพิ่งจัดตั้ง ขณะที่พรรคไทยรักษาชาติก็เพิ่งจัดตั้ง ขณะที่พรรคเพื่อชาติก็เพิ่งจัดตั้ง

ทั้งยังจัดตั้งภายใต้ร่มเงา “รัฐธรรมนูญ” ที่มิได้ DESIGN เพื่อพวกตน

แต่คำถามที่เสนอต่อพรรครวมพลังประชาชาติไทย ก็เช่นเดียวกับคำถามที่เสนอต่อพรรคพลังประชารัฐก็คือ จะเอาอะไรไป “ขาย”

Advertisement

“ผลงาน” อะไรที่จะทำให้ได้ “รับเลือก”

หากมองผ่านพรรคพลังประชารัฐไปยังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องยอมรับว่านอกเหนือจากการพูดทุกวันศุกร์แล้ว

แทบไม่มี “นโยบาย” ที่จะจับต้อง “ได้”

ถามว่าโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงถือเป็นผลงานของรัฐบาลหรือไม่ ถามว่าโครงการบริหารทรัพยากรน้ำถือเป็นผลงานของรัฐบาลหรือไม่

น่าสงสัย

เพราะตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมาก็มีแต่เพียงการวางศิลาฤกษ์ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยที่เป้าหมาย 3.5 กม.ก็ยังไม่ปรากฏ

เพราะตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่เคยกำหนดเอาไว้อย่างเป็นรูปธรรมในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมี นายปลอดประสพ สุรัสวดี รับผิดชอบก็กระจัดกระจายและยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรก็ยังตกต่ำ ขณะที่หนี้สินครัวเรือนก็ทะยานไปไม่ยิ่งหย่อนกว่าหนี้สาธารณะ

ยิ่งหากนำเอาปัญหาของพรรคพลังประชารัฐไปวางเรียงอยู่เคียงข้างกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย คำถามก็ยังอยู่ที่เดิม

คือจะเอา “อะไร” มาเป็น “จุดขาย”

หาก ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล และ นายสุริยะใส กตะศิลา ยังเอาสโลแกน “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ที่กระหึ่มในห้วงก่อนรัฐประหารมาเสนอ คงได้ยินเสียงหัวเราะประสานกันดังสนั่น

เป็นสภาวะอย่างเดียวกับเมื่อมีการเปิดบทเพลง “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา”

5 ปีที่คุยโวโอ้อวดว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้ว แต่ก็ลงเอยด้วยการหว่านกระจายเงินแจกออกไปอย่างกว้างไพศาล นี่แหละหรือคือรูปธรรมแห่งการปฏิรูป นี่แหละหรือคือสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย

จะถือเป็น “จุดขาย”

ถามว่าทุน 240 ล้านบาท ทุน 600 ล้านกว่าบาท จะช่วยได้หรือไม่

ก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 พรรคประชาธิปัตย์เคยจัดเลี้ยงโต๊ะจีนสามารถระดมทุนได้มากถึง 400 กว่าล้านบาท

แต่เมื่อถึงวันเลือกตั้งก็ปรากฏว่า “แพ้”

เป็นความพ่ายแพ้ต่อพรรคเพื่อไทยโดยที่ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคออกมายืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ใช้เงินมากกว่าพรรคการเมืองอื่น

เดือนกุมภาพันธ์ 2562 จะได้คำตอบต่อพลังประชารัฐ รวมพลังประชาชาติไทย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image