อันเนื่องจากฉายา ‘ตู่ไม่รู้ล้ม’ ชวนให้คิดถึงฉายา ‘ตุ๊กตาไม่ล้ม’ ‘เวิน เจียเป่า’ อดีตนายกรัฐมนตรีจีน

เ มื่อนักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลได้ตั้งฉายา ตู่ไม่รู้ล้มŽ ให้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ชวนให้คิดถึง เวิน เจียเป่าŽ อดีตนายกรัฐมนตรีจีน (2003-2013)
ซึ่งเป็นเจ้าของฉายา ตุ๊กตาไม่ล้มŽ อันมีนัยต่างกัน กาลและการณ์ต่างกัน ผลงานก็ต่างกัน

ที่มาของฉายา ตุ๊กตาไม่ล้มŽ คือ เป็นคนที่สามารถทำงานร่วมกับผู้ใดก็ได้ ไม่ว่าผู้บังคับบัญชาจะเป็นใคร ไม่ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะเป็นใคร ล้วนเป็นกัลยาณมิตร

กรณีเป็นการอันเกิดจากคติประจำใจคือ ท่านล้ม ข้าพเจ้าไม่ล้ม เขาล้ม ข้าพเจ้าก็ไม่ล้มŽ

ฉายา ตุ๊กตาไม่ล้มŽ จึงเกิด

Advertisement

เหตุการณ์ จัตุรัสเทียนอันเหมินŽ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 1989 ย่อมเป็นที่ประจักษ์

การชุมนุมเรียกร้องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของนักศึกษาได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 1989 มีการเดินขบวนและอดอาหาร ทำการประท้วง

เหตุการณ์ทั่วไปรุนแรงขึ้นเมื่อ 19 พฤษภาคม จ้าว จื่อหยางŽ เลขาธิการใหญ่ของพรรคพร้อมด้วย เวิน เจียเป่าŽ คนข้างกาย ซึ่งเป็นหัวหน้าสำนักงานกลางของพรรค ได้ร่วมเดินทางไปคุยกับนักศึกษาที่ จัตุรัสเทียนอันเหมิน พอสรุปสาระสำคัญได้ว่า

Advertisement

การที่นักศึกษาวิจารณ์รัฐบาลและพรรค เป็นเรื่องที่สมควรแก่เหตุ ข้าพเจ้ามิได้มาขอร้องนักศึกษาให้อภัย แต่มาขอให้เลิกการอดอาหาร สุขภาพขณะนี้อ่อนแอมาก เพราะเป็นเวลา 7 วันแล้ว การอดอาหารเป็นเวลานาน ย่อมทำลายสุขภาพและเป็นอันตรายต่อชีวิต จึงขอให้ท่านทั้งหลายยุติให้เร็วที่สุด ข้าพเจ้าทราบดีว่า การอดอาหารของท่านทั้งหลายเพื่อต้องการได้รับคำตอบที่พอใจจากพรรคและรัฐบาล ข้าพเจ้ารู้สึกว่า การสนทนาของพวกเราเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ยังมีความสับสน ปัญหาบางอย่างจึงจำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง จึงจะแก้ไขได้ แต่ท่านทั้งหลายจะรอจนได้รับคำตอบเป็นที่พอใจแล้วจึงยุติการอดอาหารมิได้ เพราะท่านทั้งหลายยังมีอายุเยาว์ มีอนาคตยาวไกล ต้องใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ท่านทั้งหลายไม่เหมือนกับพวกข้าพเจ้า เพราะพวกข้าพเจ้าแก่แล้วไม่เป็นไร ที่สำคัญคือการที่บิดามารดาของท่านทั้งหลายกว่าจะได้ส่งให้เรียบจบมหาวิทยาลัยนั้นมิใช่เรื่องง่าย การยอมเสียสละชีวิตเช่นนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และเนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้เข้าขั้นวิกฤต สังคมลุกเป็นไฟ ปักกิ่งเป็นเมืองหลวง เหตุการณ์นับวันรุนแรงขึ้น ทำลายภาพลักษณ์ หากยืดเยื้อต่อไป รัฐต้องสูญเสียหลักการบริหาร นำภัยมาสู่สังคม จึงขอให้ท่านทั้งหลายยุติการอดอาหาร แต่มิได้หมายความว่าเมื่อยุติอดอาหารแล้ว พรรคและรัฐบาลจะทอดทิ้งข้อเรียกร้อง ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าจะต้องพิจารณาต่อไป หนทางแก้ปัญหาย่อมต้องมีอยู่แน่Ž

เมื่อพูดจบ ได้แสดงความรักและเมตตาต่อนักศึกษาด้วยการโค้ง ทันใดนั้นก็มีเสียงปรบมือเกรียวกราวประสานกับเสียงสะอื้นไห้ของนักศึกษาที่ซาบซึ้งในถ้อยคำกินใจของ จ้าว จื่อหยางŽ และยังมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยเข้าขอลายเซ็นอีกด้วย

จ้าว จื่อหยางŽ เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ถูกกล่าวหาว่า เข้าข้างนักศึกษา จึงถูกลมพัดออกจากถนนการเมืองและกักบริเวณ 16 ปี จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
คือวันที่ 17 มกราคม 2005 อายุ 85 ปี

จ้าว จื่อหยางŽ เป็นคนที่มีประชาธิปไตยอยู่ในหัวใจซึ่งเป็นประชาธิปไตยที่แทรกซ้อนอยู่ในระบอบสังคมนิยม และมีเมตตาต่อกลุ่มนักศึกษาที่เรียกร้องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ

จึงอยู่ไม่ได้เพราะพิษของเผด็จการ

เหตุการณ์เทียนอันเหมินจึงเป็นเหตุให้อนาคตการเมืองสิ้นสุดลงพร้อมกับสิทธิเสรีภาพ

ถ้าว่าตามทฤษฎีโดมิโน เวิน เจียเป่าŽ ก็ต้องถูกลมพัดออกจากถนนการเมืองไปด้วย

แต่เขาก็อยู่ได้ และยังยืนเด่นอยู่อย่างท้าทาย อีกทั้งมีความก้าวหน้าในทางการเมืองตามลำดับ

การที่ตั้งฉายา ตุ๊กตาไม่ล้มŽ จึงไม่เป็นการเกินเลยความจริง

เหตุการณ์ จัตุรัสเทียนอันเหมินŽ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม เด็กอมนิ้วก็ยังอ่านเกมออกว่า นายใหญ่Ž ต้องถูกเช็กบิลแน่แล้ว แต่ก็ไม่สะทกสะท้าน และยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับ จ้าว จื่อหยางŽ โดยตลอด ไม่แสดงอาการใด เพียงเพื่อบรรลุหน้าที่ของตนเท่านั้น

เวิน เจียเป่าŽ เป็นนายกฯคนที่ 6 ตั้งแต่ 2003-2013 เป็นรองนายกฯสมัยรัฐบาล จูหรงจีŽ เป็นเวลา 5 ปี ทำงานชิ้นใหญ่และสำคัญอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด เช่น กำหนดนโยบายและวางรากฐานการเงินการคลัง ทำโครงการเศรษฐกิจมหัพภาคและจุลภาค สร้างมาตรการปราบปรามการทุจริตโกงกินของข้าราชการ ฯลฯ

เป็นการทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติอเนกประการ เป็นคนติดดิน ที่ไหนประชาชนเดือดร้อนก็ต้องไปถึงในเวลาอันรวดเร็ว ร่วมทุกข์คลุกคลีกับประชาชน ค่ำไหนนอนนั่น

แต่ไม่รับเชิญเปิดป้ายตัดริบบิ้น ไม่เป็นเจ้าภาพงานหมั้นงานสมรส ไม่ร่วมงานวันเกิด หรืองานรื่นเริงใดๆ เพราะไม่ใช่หน้าที่หรือราชการของนายกรัฐมนตรี

เป็นคนพูดเก่งแต่พูดน้อย มีสาระให้ความรู้ ไม่ให้สัมภาษณ์เป็นรายวัน แต่จะให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวทั่วโลกอย่างเป็นทางการเพียงปีละครั้งคือวันที่ปิดสมัยประชุมสภาประชาชนจีน

เป็นคนที่ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเดียวอย่างแท้จริง คนจีนปฏิเสธมิได้ว่าเขาเป็นผู้หนึ่งที่ทำให้ประเทศจีนมีความเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศด้วย

ง านชิ้นโบแดงคือ กอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจโลก 2008 ได้สำเร็จ
ที่ไหนมีทุกข์ที่นั่นต้องมี เวิน เจียเป่า ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน เมื่อเกิดปัญหาขึ้นที่ใด จะต้องไปยังที่เกิดเหตุด้วยตนเองทุกครั้งเสมอ และไปเพื่อแก้ปัญหา ไปเพื่อช่วยเหลือประชาชน

มิใช่ไปพูดเหมือนยากล่อมประสาท มิใช่ไปแก้ตัว ไม่ยักคิ้วหลิ่วตา ไม่ทำหน้าทะเล้นเมื่อพบปะประชาชน หากเป็นความสุภาพอ่อนโยน แสดงไมตรีต่อประชาชน ดูมีราคา

มีราคาที่ทุกอิริยาบถน่ารักน่าเอ็นดู มีวุฒิภาวะเหมาะสมกับการเป็นนายกรัฐมนตรี

เวิน เจียเป่า เป็นคนทำงานไม่เอาหน้า ไม่จัดฉาก ไม่สร้างภาพ มีความหนักแน่น มีจุดยืนทางการเมือง ไม่หุนหันพลันแล่น ไม่พลิกพลิ้วชิวหา อุดมด้วย WillpowerŽ อันเป็นความตั้งใจจริงและความมีวินัยในตัวที่นำไปสู่ความสำเร็จอันเปี่ยมด้วยฐานอำนาจทางการเมืองที่มั่นคง

นักการเมืองใดที่ได้อำนาจมาด้วยการชิงไหวชิงพริบจากฝีมือของผู้อื่น โดยปราศจากฐานอำนาจที่แท้จริงของตน ก็ต้องอยู่อย่างอีหลักอีเหลื่อ หรือถูกเดินขบวนขับไล่ เป็นต้น

ฐานอำนาจของ เวิน เจียเป่า คือสมาชิกพรรคจำนวนกว่า 80 ล้านคน

ความละมุนละไม สุขุมคัมภีรภาพ พูดจาตรรกะดีมีผล ให้เกียรติแก่คู่สนทนา ไม่ยกตนข่มท่านไม่เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่เขา เพื่อความสะดวกเฉพาะคราวหนึ่งๆ เท่านั้น
เ มื่อกลางเดือนเมษายน 2010 มีกำหนดไปเยือนต่างประเทศ แต่เมื่อทราบข่าวแผ่นดินไหวที่มณฑลชิงไห่ วันที่ 14 เมษายน ก็ได้แจ้งยกเลิกการเดินทางทุกทริป และมุ่งหน้าไปยังที่เกิดเหตุทันที เพื่อเยี่ยมเยียนผู้ประสบอุบัติภัย พร้อมทั้งบัญชาการทำงานกู้ภัยด้วยตนเอง และไปดูที่เกิดเหตุรุนแรงก่อน ซึ่งได้แก่โรงเรียน สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า วัดอาราม ฯลฯ

งานกู้ภัยที่ชิงไห่ต่างกับที่เสฉวน เพราะว่าการคมนาคมที่ชิงไห่ไม่สะดวก สนามบินมีขนาดเล็กมาก วันหนึ่งเครื่องบินสามารถขึ้นและลงได้ไม่เกิน 12 ครั้งเท่านั้น

เมื่อลงจากเครื่องบินแล้วต้องนั่งรถยนต์อีก 10 กว่าชั่วโมงเข้าไปยังที่เกิดเหตุซึ่งอยู่บนที่ราบสูง การช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์กรรมมีความยากลำบากมาก

เขากล่าวว่างานกู้ภัยคือ ช่วยชีวิตคน แม้ความหวังที่รอดตายมีเท่ากับเส้นด้าย ก็ต้องพยายามช่วยให้ได้ มิใช่เป็นคำขวัญ หากเป็นแนวทางในการทำงานอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ได้ปีนขึ้นไปบนสิ่งปลูกสร้างที่ปรักหักพังซึ่งสูงประมาณ 10 เมตร และนั่งยองๆ อยู่เกือบ 2 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าดูและบัญชาการทำงานของเจ้าหน้าที่

เมื่อทราบว่าโรงเรียนแห่งหนึ่งมีนักเรียนจำนวน 17 คนติดอยู่ในซากปรักหักพัง เขามีสีหน้าวิตก และเงียบไปนานโดยไม่ยอมพูดอะไรเลย

เวลา 20.00 น. ใช้ศูนย์อำนวยการชั่วคราวที่ตั้งอยู่ในกระโจมเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่ทำงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อรับฟังรายงานและให้คำแนะนำในการทำงานกู้ภัย

จนกระทั่งเวลา 23.00 น.เศษ จึงเลิกประชุม

หลังจากนั้นยังเดินเยี่ยมเยียนผู้ประสบเคราะห์กรรมอีกต่อไปจนดึกมาก

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ได้ไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งรับเลี้ยงเด็กไว้ประมาณ 200 คน บางคนบิดามารดาเสียชีวิตไปก่อน บางคนบิดามารดาเสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว บางคนถูกทอดทิ้งตั้งแต่แรกเกิด เด็กส่วนใหญ่เป็นชาวทิเบต และชาวฮั่นรวมอยู่ด้วย

เด็กทั้งหมดรอดชีวิต เพราะขณะที่เกิดเหตุเด็กอยู่ในโรงอาหาร เขาจับมือกับเด็กทุกคน มีเด็กผู้หญิงก้มหน้าพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ จึงจับแก้มเด็กให้เงยขึ้นมาแล้วกล่าวว่า ตามาเยี่ยมแล้ว เงยหน้าขึ้นหน่อย ให้ยิ้มและต้องเข้มแข็ง ความลำบากย่อมพ้นไปได้Ž

อีกทั้งปลอบใจเด็กทุกคนว่า ชีวิตคนเราเหมือนกับดวงอาทิตย์ เต็มไปด้วยความหวัง ไม่ว่าเราจะประสบปัญหาใหญ่ขนาดไหน ดวงอาทิตย์ก็ยังขึ้นตามปกติ แม้ว่าโชคร้ายที่ประสบเหตุ แต่ก็โชคดีที่รอดชีวิต แม้เป็นเด็กกำพร้า แต่ก็ไม่โดดเดี่ยว

นอกจากนี้ ยังให้คำมั่นว่า พรรคและรัฐบาลจะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นชาวทิเบต ไม่ว่าจะเป็นชาวฮั่น เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกัน

เวิน เจียเป่า เป็นคนที่มุ่งเน้นความเป็นจริง มากกว่าคตินิยม เช่น วันที่ไปร่วมงานวันเยาวชนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2010 นักศึกษาต้อนรับด้วยอักษรจีน 4 ตัว

ซึ่งมีความหมายว่า เงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้าŽ (ั๖อ๛ะวฟี)

จึงตอบด้วยการเขียนพู่กันเป็นอักษรจีน 4 ตัวเช่นกันโดยพลัน

ซึ่งมีความหมายว่า เอาความจริงไม่สร้างภาพŽ (ฬคตุ)

อนึ่ง ได้ให้คติพจน์แก่นักศึกษา เพื่อเป็นแนวทางในการดำรงชีวิต 5 ข้อ

วิสัยทัศน์ไกล คุณธรรมสูงส่ง ความรู้เรืองรอง สุขภาพแข็งแรง ความประพฤติดี

เวิน เจียเป่า ยังได้ให้โอวาทแก่นักศึกษาว่า ความจริงใจเท่านั้นจึงจะมีความยั่งยืนŽ

ยุติธรรมมีความรุ่งโรจน์ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์Ž เป็นคติพจน์ของเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนระหว่างที่ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ทั่วโลกหลังจากปิดการประชุมสามัญสภาผู้แทนประชาชนจีนสมัยที่ 11 ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2010

เวิน เจียเป่า กล่าวว่า การพัฒนาประเทศจีน ไม่เพียงเศรษฐกิจอย่างเดียว จีนยังต้องผลักดัน ความยุติธรรมŽ ให้เกิดขึ้นในสังคม เพราะเป็นพื้นฐานแห่งความมั่นคง

เพราะว่า ยุติธรรมมีความรุ่งโรจน์ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์Ž

ทั้ งนี้ ได้บอกกับผู้สื่อข่าวทั่วโลกว่า ประเทศจีนยังมีเหตุการณ์ที่ขาดความยุติธรรมมากมาย เช่น การจัดแบ่งรายได้ไม่ยุติธรรม นิติสัมพันธ์ไม่ยุติธรรม เป็นต้น
เขาเห็นว่า การทำงานด้านเศรษฐกิจและพัฒนาสังคมต้องให้ความสนใจแก่ประชาชนที่ยากจน และกลุ่มชนที่ด้อยความสามารถ เพราะยังมีเป็นจำนวนมากในสังคมจีน

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐในด้านวิเคราะห์และวางแผนเกี่ยวกับสังคม เศรษฐกิจ การทหาร การทูตชื่อ Think Tank Eurasia Group ได้ทำการคัดเลือกผู้นำประเทศทั่วโลกที่ได้รับความสนใจที่สุด 10 อันดับ เมื่อปี 2010 เวิน เจียเป่าŽ
นายกรัฐมนตรีจีนมาเป็นอันดับหนึ่ง ในขณะที่ประธานาธิบดีโอบามาได้อันดับสองรองจากจีน (ในสมัยนั้น)

เนื่องจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญสหรัฐเป็นผู้จัดอันดับ แม้จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับจีน แต่ก็ยังให้เครดิตแก่ผู้นำจีนมากกว่าผู้นำสหรัฐ จึงมีเหตุให้เชื่อว่าเป็นของจริงขนานแท้

เวิน เจียเป่า จบการศึกษาด้านเหมืองแร่ แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ ดูแลควบคุมเรื่องการเงินการคลังตั้งแต่สมัยเป็นรองนายกฯเมื่อ 1998 เป็นต้นมา สิ่งที่น่าสนใจคือ

1 ขนาดพ่อมดการเงินอย่างจอร์จ โซรอส ยังชมเชยว่า นโยบายเศรษฐกิจของเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนสมัยนั้น สัมฤทธิผลอย่างแท้จริง

1 ขนาดอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ กล่าวว่า มือฉมังทางเศรษฐกิจอยู่ที่ประเทศจีน เขาหมายถึงเวิน เจียเป่า นั่นเอง ทั้งที่ กรีนสแปนŽ กับจีนเสมือนขมิ้นกับปูน
เป็นเกียรติภูมิของประเทศจีน

เป็นความภูมิใจของคนจีน 56 เผ่าพันธุ์

ที่มีนายกรัฐมนตรี ชื่อ เวิน เจียเป่าŽ

แม้จะพ้นวาระการดำรงตำแหน่งไปแล้วถึง 7 ปี แต่ผลงานของ พณฯ ก็ยังตราตรึงอยู่ในดวงหทัยทุกดวงของคนจีน เพราะเป็นผลงานที่เป็นคุณูปการอันใหญ่หลวงแก่ชาติบ้านเมือง

สิบปีที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พณฯ เสมือนการหว่านพืชเช่นใดในอดีตย่อมได้ผลเช่นนั้นในปัจจุบัน ดังนั้น ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของจีนวันนี้ จึงปฏิเสธมิได้ว่าได้รับอานิสงส์จากการนั้นตามสมควร เป็นต้นว่าขนาดเศรษฐกิจของจีนได้แซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 ของโลก อันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกโดยทั่วกัน

การตั้งฉายา ตุ๊กตาไม่ล้มŽ ให้แก่ พณฯ นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ของประเทศจีนสมัยนั้น

จึงเป็นการสมควรและทรงคุณค่ายิ่ง

ชยานันต์ ศุกลวณิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image