คนต่างชาติ… โดย เฉลิมพล พลมุข

ทรัพยากรสำคัญอย่างหนึ่งของชาติก็คือมนุษย์หรือคนที่เป็นองคาพยพในการขับเคลื่อนประเทศในบริบทต่างๆ ของชาติบ้านเมืองนั้น สิ่งหนึ่งที่เราท่านที่ได้ติดตามถึงความเจริญก้าวหน้าทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา การเมืองทั้งภายในประเทศและการเมืองระดับโลกก็เนื่องด้วยคุณภาพของคนในชาติรวมถึงคนต่างชาติที่อาศัยมีชีวิตความเป็นอยู่ของตนและครอบครัวรวมอยู่ด้วย

ข้อมูลหนึ่งจากสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมจัดการหางาน กระทรวงแรงงาน มีตัวเลขคนต่างด้าวหรือชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยเราข้อมูล ณ 18 ตุลาคม พ.ศ.2560 โดยมีชาวเมียนมา ในจำนวน 905,224 คน ชาวกัมพูชา จำนวน 244,701 คน คนลาว 108,419 คน คนญี่ปุ่น 36,340 คน คนจีน 22,162 คน คนฟิลิปปินส์ 14,950 คน คนอินเดีย 12,549 คน คนอังกฤษ 10,503 คน คนอเมริกา 8,720 คน และคนเกาหลีใต้ 5,949 คน (มติชนสุดสัปดาห์ 9-15 กุมภาพันธ์ 2561 หน้า 51)

ในข้อเท็จจริงความเป็นคนหรือมนุษย์ก็มีการเคลื่อนย้ายชีวิตความเป็นอยู่จากบ้านเกิดเมืองนอนของตนไปอาศัยอยู่ในอีกสถานที่หนึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา อาจจะด้วยหลายเหตุผลของแต่ละชีวิต อาทิ ไปศึกษาเล่าเรียน ติดตามพ่อแม่บรรพบุรุษไปทำมาค้าขาย ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่รัฐบาลส่งไป ไปแสวงหาชีวิตที่ดีกว่าประเทศของตน อาจจะนับรวมถึงปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศทางด้านการเมืองจนกระทั่งตนเอง เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องต้องลี้ภัยไปอยู่ยังต่างแดน…

ในครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา หรือเมืองโยเดีย ก็มีชาวต่างชาติหรือต่างด้าวเข้ามาอยู่อาศัยจำนวนมากเช่นกัน บางส่วนก็เข้ารับราชการจนกระทั่งมียศตำแหน่งสำคัญของบ้านเมือง อาทิ ออกญาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอล) ชาวฝรั่งเศส ในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จุฬาราชมนตรีคนแรกของเมืองสยาม (เฉก อะหมัด) หรือเจ้าพระยาบวรราชนายก เป็นชาวมุสลิมจากคาบสมุทรไอบีเรีย ยามาดะ นางามาสะ จากประเทศญี่ปุ่น หรือ ขุนไชยสุระ ในสมัยพระเจ้าทรงธรรม จอร์จ ไวท์ ชาวอังกฤษ ซึ่งมีบรรดาศักดิ์เป็น ออกหลวงวิชิตสาคร ในสมัยของพระเพทราชา มีหัวหน้าสถานีการค้าของฮอลันดา (VOC) มีบรรดาศักดิ์เป็น ออกพระดาเนียล บรู๊คบาวด์ และได้มีศัลยแพทย์ได้รับแต่งตั้งเป็น ออกพระแพทยโอสถ…

Advertisement

คนต่างชาติหรือต่างด้าวเหล่านั้นได้เข้ามาอยู่อาศัยในแผ่นดินสยามหรือเมืองไทยเราเป็นเวลานานแล้วหลากหลายชนชาติ ผู้เขียนเข้าใจว่าเราท่านทั้งหลายหากย้อนถึงประวัติบรรพบุรุษหลายๆ คนก็มิใช่คนไทยแท้ แม้กระทั่งในทะเบียนราษฎร์ หรือหลักฐานของทางราชการก็มีการระบุถึงเชื้อชาติ สัญชาติ โดยเฉพาะในสมัยปัจจุบันมีความก้าวหน้าถึงการพิสูจน์สัญชาติด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย อาทิ ประวัติบุคคล การพิสูจน์ดีเอ็นเอ หรือหลักฐานอื่นๆ เมื่อถึงคราวที่ต้องการทราบข้อเท็จจริงกรณีที่มีอาชญากรรมเกิดขึ้น

ในตัวเลขและข้อมูลดังกล่าวยังมีชาวต่างชาติมีหลายชาติที่มิได้ปรากฏตัวเลขเข้าอาศัยอยู่ในเมืองไทยเรา อาทิ ชนเผ่าต่างๆ ที่อาศัยอยู่รอบๆ ชายแดนไทยตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ ชาวสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ไต้หวัน ศรีลังกา โรฮีนจา ชาวแอฟริกาหรือฝรั่งชาติต่างๆ เขาเหล่านั้นหลายคนอาจจะเกิดและลืมตาดูโลกในแผ่นดินไทยเสมือนเราท่านทั้งหลาย หรือแม้แต่ที่เรียกว่าคนไทยที่มีการตกสำรวจข้อมูล สถานะเพื่อให้เขาเหล่านั้นเข้าถึงสิทธิพื้นฐานของพลเมืองไทยเราหลายช่วงเวลา

เราท่านพบเขาเหล่านั้นไม่มีหลักฐานปรากฏอยู่ในทะเบียนราษฎร์ อาจจะมีคำถามที่ว่าหน่วยงานของรัฐได้มีการสำรวจหรือมีข้อมูลชุดที่แท้จริงหรือไม่…

Advertisement

คนต่างชาติหลายคนเขาเหล่านั้นได้เข้ามาช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา การทูต การท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของคนไทยสังคมไทยได้เป็นอย่างดี บางคนนำระบบธุรกิจการค้าเข้ามาทำธุรกรรมก่อให้เกิดการจ้างแรงงาน ที่เป็นคนไทย รัฐบาลที่ผ่านๆ มาต่างก็ให้ความสำคัญกับธุรกิจข้ามชาติที่หลากหลายอาทิ เทคโนโลยีอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า บริษัทโรงงานรถยนต์ ธุรกิจการบิน เครื่องจักรกล โรงแรม โรงเรียน มหาวิทยาลัย รวมถึงสถานที่ดูแลเด็กกำพร้าและบ้านพักผู้สูงอายุที่ดำเนินกิจการโดยชาวต่างชาติ…

เมื่อเร็ววันมานี้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการได้ให้มหาวิทยาลัยในเมืองไทยเราได้ทบทวนบทบาทของตนเองที่มิได้ผลิตบัณฑิตเพื่อตอบโจทย์ของประเทศ บางแห่งมีงานวิจัยมากแต่มิได้นำไปใช้ให้ก่อประโยชน์ในภาพรวม ข้อเท็จจริงหนึ่งก็คือหลายแห่งผู้เข้าเรียนที่มีตัวเลขลดน้อยลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ขณะเดียวกันก็มีการสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยต่างประเทศเข้ามาเปิดกิจการในเมืองไทยเรา นโยบายหนึ่งที่จะยกระดับการศึกษาก็คือการมีกระทรวงอุดมศึกษา โดยอ้างว่าประเทศมาเลเซียก็มีการแยกกระทรวงต่างหากแล้วคุณภาพก็มีความแตกต่าง จะเกิดขึ้นในเมืองไทยเราได้เป็นจริงหรือไม่…

รัฐบาล คสช.ได้ใช้มาตรา 44 ผ่อนผันแรงงานต่างด้าวที่กระทำความผิดกฎหมายในการอาศัยอยู่ทำงานในแผ่นดินไทยโดยได้ออก พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวมีทั้งหมด 145 มาตรา ในกรณีที่เมืองไทยเรามิได้ปฏิบัติตามมาตรฐานสากลเรื่องไอยูยู (IUU) Illegal Unreported and Unregulated Fishing คือการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุม ขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ที่ถูกโต้ตอบทางด้านการค้าขายซึ่งในขณะนี้เมืองไทยเรามีชาวต่างด้าวจาก 3 ประเทศคือ เมียนมา กัมพูชาและลาว โดยมีใบอนุญาตเข้าเมืองที่ถูกต้องและใบอนุญาตให้ทำงาน อยู่ประมาณ 1.3 ล้านคนและชาวต่างด้าวที่ถือบัตรสีชมพูได้รับผ่อนผันให้อยู่ในเมืองไทยได้ชั่วคราวในตัวเลขประมาณ 1.3 ล้านคน…

ค่าแรงหรือค่าตอบแทนในการทำงานต่อวันในแรงงานรอบๆ บ้านของเราก็มีความแตกต่างกัน อาทิ เมียนมาวันละ 180 บาท ลาววันละ 130 บาท กัมพูชาวันละ 162 บาท เวียดนามวันละ 156 บาท อินโดนีเซียวันละ 163 บาท ฟิลิปปินส์วันละ 197 บาท มาเลเซียวันละ 326 บาท และสิงคโปร์วันละ 833 บาท เราท่านจะเห็นว่าในค่าแรงงานตอบแทนของการทำงานทั้งวันในจำนวนเงินดังกล่าวก็สวนทางกับค่าครองชีพเพื่อให้ตนเองและครอบครัวอยู่รอด มีงานบางอาชีพที่รายได้และรายจ่ายสมดุลกัน หรือบางรายก็มีเงินเก็บเพื่อก่อร่างสร้างตัวหรือส่งเงินกลับประเทศของตนปีละมากมาย

ขณะเดียวกันเมืองไทยเรายังมีคนต่างชาติหรือต่างด้าวที่อาศัยอยู่โดยผิดกฎหมายอยู่ประมาณ 1.1-1.2 ล้านคน และมีตัวเลขของเขาเหล่านั้นที่ได้เข้ามาจดทะเบียนที่ผิดกฎหมายเข้าสู่ระบบไปแล้วกว่า 4 แสนคน คนต่างด้าวที่อยู่ในเมืองไทยเราที่หลบๆ ซ่อนๆ

ผู้เขียนอาจจะรวมถึงท่านผู้อ่านด้วยในตัวเลขที่มิค่อยแน่ใจว่าหน่วยงานของรัฐเข้าไปตรวจสอบเพื่อได้ข้อมูลที่แท้จริงเพียงไร เราท่านทราบเรื่องราวก็เป็นข่าวอาชญากรรม อาทิ ปล่อยเงินกู้ ขายสินค้าผ่อนส่ง หรือเป็นอาชญากรระหว่างประเทศที่ประเทศของเขาได้ประกาศจับ มิอาจจะนับรวมที่เข้ามาขายบริการทางเพศในสถานที่ต่างๆ อยู่ทั่วเมืองไทย

เมืองไทยเราเมื่อหลายปีก่อนมีความขัดแย้งกันในทางการเมือง คนไทยเราแบ่งเป็นขั้ว สี ฝ่าย มีการทำร้ายร่างกายและฆ่ากันด้วยอาวุธสงคราม ข้อเท็จจริงหนึ่งที่เราท่านรับรู้ก็คือมีชาวต่างด้าวทั้งเป็นผู้คนปกติ หรืออาจจะแปลกปลอมมาในฐานะของนักบวชเข้ามาปะปนอยู่ในการประท้วง มีปะทะกันด้วยอาวุธบางส่วนเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้วก็อาจจะหาช่องทางหลบหนีไปประเทศของตน ผู้ที่รับผิดชอบในด้านกฎหมายจะสามารถนำตัวเขาเหล่านั้นกลับมารับโทษที่ได้กระทำไว้ในราชอาณาจักรไทยได้หรือไม่

หลายครั้งหลายคราที่ผู้เขียนอาจจะรวมถึงผู้อ่านบางท่านที่ได้เคยไปใช้ชีวิตในต่างประเทศหรือต่างบ้านต่างเมือง ความรู้สึกอย่างหนึ่งก็คือคิดถึงเมืองไทย ญาติพี่น้องเพื่อนฝูง ทั้งอาหารการกิน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ การท่องเที่ยว ดินฟ้าอากาศ รวมถึงประเพณีวัฒนธรรมไทย การได้พบคนไทยเราในต่างประเทศถือว่าเป็นความโชคดีได้มีโอกาสพูดคุยกัน คนไทยเราที่อยู่ต่างประเทศในเวลานานๆ ก็จะมีกิจกรรม กลุ่ม ชมรม ศาสนาเพื่อแลกเปลี่ยนทรรศนะความคิดเห็น อาจจะรวมถึงความเห็นต่างทางการเมืองไทยเรารวมอยู่ด้วย…

ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เราท่านจะพบเห็นรถยนต์หรือยานพาหนะที่ขับขี่อยู่ทั่วเมืองไทยที่มีทะเบียนรถเป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกับเราไปมาหาสู่ บางคนก็เข้ามาทำธุรกิจ บ้างก็มาท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับคนไทย บริบทหนึ่งที่ผู้บริหารของรัฐบาลน่าจะมีข้อมูลดีนั่นก็คือ มีชาวต่างชาติที่กระทำความผิดกฎหมายทั้งประเทศของตนและประเทศไทยเรา อาทิ ยาเสพติด การค้าเงิน การเข้ามาซื้อที่ดินสิ่งปลูกสร้างหรือมาประกอบอาชีพสงวนของคนไทยเรา หรือทำธุรกรรมอื่นๆ เราท่านมีข้อมูลหรือได้ติดตามกิจกรรมของเขาอย่างดีเพียงใด

เมื่อไม่นานมานี้มีชาวต่างด้าวชาติหนึ่งเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยเรา มีรถบ้านเข้ามามีชีวิตความเป็นอยู่เบ็ดเสร็จเพียงแต่อาศัยความจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีพ หลายคนเข้ามาสร้างปัญหาทั้งการทิ้งขยะ การไม่ปฏิบัติตามข้อห้ามเรื่องมารยาทในศาสนสถาน การใช้สิทธิเสรีภาพที่เกินขอบเขต การใช้สถานที่สาธารณะร่วมกันอาจจะรวมไปถึงจังหวัดริมทะเลที่มีระบบเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่ดี ข้อเท็จจริงหนึ่งก็คือชาวต่างชาติบางรายจะเป็นเจ้าของผู้ประกอบการธุรกิจทั้งร้านค้า ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจทางการเงิน บางจังหวัดหากเราท่านได้เข้าไปสัมผัสโดยตรงก็จะพบเห็นสิ่งอำนวยความสะดวกเสมือนประเทศของเขามาตั้งอยู่ในแผ่นดินไทยเรา

ในช่วงวันเวลาที่ผ่านมาในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านเสด็จสวรรคต สหประชาชาติได้มีการจัดประชุมเป็นกรณีพิเศษ เพื่อสดุดีเมื่อเวลา 21.00 น. ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2559 ที่ว่า “การครองราชย์กว่า 70 ปี ซึ่งยาวนานที่สุดของมนุษยชาติและพระปฐมบรมราโชวาท เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม และทรงงานอย่างหนัก นำไปสู่ความกินดีอยู่ดีทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคม พระองค์ท่านให้ความสำคัญกับงานเชิงบูรณาการหลายด้าน เป็นนักคิดที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล สหประชาชาติได้เลือกให้วันดินโลก (World Soil Day) ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งคล้ายกับวันพระราชสมภพของพระองค์ท่าน และสมาชิกทั้งหมดได้ยืนแสดงความอาลัยต่อการสวรรคต”

เมืองไทยเรามีพระเจ้าแผ่นดิน หรือในหลวง ตลอดถึงพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ได้ปกครองดูแลคุณภาพชีวิตของพสกนิกรไทยและชาวต่างประเทศที่ได้เข้ามาอาศัยในแผ่นดินไทยทุกๆ คนด้วยพระเมตตาธรรม หลักทศพิธราชธรรมของพระราชาได้แผ่ไปทุกหนแห่งของแผ่นดิน

ประเทศไทยได้ชื่อว่าเมืองแห่งแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง เราท่านในฐานะคนหนึ่งที่เกิดในแผ่นดินนี้ก่อนหัวใจจะหยุดการทำงานลง ได้ส่งต่อสิ่งที่ดีงามไว้ให้บุตรหลานหรือคนรุ่นหลังได้สืบต่อชาติบ้านเมืองเพื่อให้เดินหน้าไปอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนแล้วหรือไม่…

เฉลิมพล พลมุข

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image