สถานีคิดเลขที่ 12 : วิ่งทำไม โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

สถานีคิดเลขที่ 12 : วิ่งทำไม

สถานีคิดเลขที่ 12 : วิ่งทำไม โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

บางคนอาจจะงุนงงว่า การทำกิจกรรมวิ่งเพื่อการกุศลช่วยเด็กนักเรียนของพี่ตูนนักร้องดังนั้น ทำเพื่อประโยชน์ต่อสังคมแท้ๆ จะมาต่อต้านกันทำไม ถ้าไม่ช่วยก็อยู่เฉยๆ ไปดีกว่า มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ อะไรทำนองนั้น

ถ้ายึดตามบรรทัดฐานของสังคมไทยเดิมๆ ที่ผ่านๆ มา เรามักถือกันว่า คนทำบุญทำกุศลมากๆ นั้น คือ คนดีมีศีลธรรม มีจิตใจเมตตา

แต่ยุคนี้ ความคิดของผู้คนในสังคมเริ่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่

อย่าเข้าใจผิดว่าสังคมไทยแย่ลง เพราะบรรทัดฐานของคนรุ่นใหม่นั้น เป็นการยกระดับความคิดการกระทำ มองปัญหาต่างๆ ในบ้านเมือง โดยมองลึกไปที่ต้นตอปัญหา และนำเสนอการแก้ปัญหาให้ตรงจุด

Advertisement

ต้องแก้กันให้ถึงโครงสร้าง

พี่ตูนนักร้องคนดัง เคยออกวิ่งเพื่อระดมเงินบริจาคไปช่วยจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ คราวนี้จะวิ่งอีกเพื่อทุนการศึกษาให้เด็กยากไร้

ถ้ายึดตามบรรทัดฐานเก่าๆ นี่คือ การทำกุศลครั้งใหญ่ ระดมเงินบริจาคมาจัดซื้อเครื่องมือแพทย์เพื่อช่วยผู้เจ็บป่วย และระดมเงินบริจาคเพื่อเด็กนักเรียนที่ขาดทุนการศึกษา คือ การช่วยเด็กถึง 109 คน

Advertisement

ใครจะมีจิตใจดีงามเช่นนี้ คนทั้งสังคมมีแต่จะร่วมกันบริจาคเพื่อการทำบุญที่มีคุณค่าใหญ่หลวง

แต่ถ้าใช้บรรทัดฐานใหม่เข้ามามอง จะพบว่า ทำไมโรงพยาบาลจึงขาดเครื่องมือแพทย์ ทำไมเด็กไทยจึงไม่มีโอกาสทางการศึกษา

รัฐบาลทำอะไรอยู่ แล้วเหตุใดการจัดสรรงบประมาณ จึงยังทุ่มเทไปกับการจัดซื้ออาวุธ เสริมสร้างความมั่นคงให้กับชาติ

ทั้งๆ ที่เราไม่มีสงครามอะไรเลย

แต่สิ่งที่เราเห็นๆ กันจนชินตาคือ ประชาชนขาดไร้สวัสดิภาพด้านการรักษาพยาบาล เด็กนักเรียนขาดทุนการศึกษาอย่างมากมายกว้างขวาง

ปัญหาที่เห็นๆ เหตุใดรัฐจึงไม่เคยหันมาจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดแล้วและเกิดอย่างหนักหนาสาหัส

ในสายตาคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าปัญหาโรงพยาบาลขาดแคลนเครื่องมือช่วยรักษาพยาบาลประชาชน ไม่ว่าปัญหาโอกาสการศึกษาของเด็กๆ มีแต่ต้องร่วมกันเรียกร้องการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเสียใหม่

การวิ่งเพื่อระดมเงินบริจาค จึงเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด แก้แบบผิวเผิน

หนักกว่านั้น กิจกรรมแบบนี้ เป็นการเร้าอารมณ์ความรู้สึกของประชาชน ให้ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยโรงพยาบาล ช่วยการศึกษาเด็ก

สร้างความซาบซึ้งตรึงใจ จนละเลยการมองต้นตอของปัญหา และวิธีแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ แก้กันให้ถึงโครงสร้าง

ด้วยประการเหล่านี้ ทำให้กิจกรรมของพี่ตูน จึงถูกตั้งคำถามอย่างหนัก

กำลังปลุกสังคมให้ร่วมไม้ร่วมมือกันแก้ปัญหาอย่างผิวเผิน คล้ายกับช่วยกันกวาดขยะเพื่อซุกเข้าสู่ใต้พรมกันต่อไปเรื่อยๆ

แล้วคนที่มีความสุขใจมากที่สุดกับกิจกรรมการกุศลแบบนี้ก็คือ คนที่มีอำนาจหน้าที่ระดับรัฐบาล

ออกมาร่วมยกย่องเชิดชูฮีโร่ของสังคม

แล้วก็หันไปจัดงบประมาณแบบเดิมๆ คือ ไม่เคยระดมโถมทุ่มมาที่งบด้านสาธารณสุข งบด้านการศึกษา ด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image