ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : ฟัง ‘โน้ส’ อีกรอบ
ยอมรับว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่เปิดฟัง โน้ส-อุดม แต้พานิช เดี่ยว 13 ตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น
ข่าวสะพัดว่าโน้สขึ้นเวทีล้อเลียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จนมีกองเชียร์เอาเรื่อง
เรื่องราวบานปลายกลายเป็นมวยนอกสังเวียน เมื่อมีคนหมั่นไส้บุกต่อยคนร้องเรียนจนกลายเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้ความรุนแรง
ฟังกระแสสื่อที่ออกมาปรามการใช้ความรุนแรงแล้วชื่นใจ เพราะเป็นสัญญาณชี้ว่า กลไกการเตือน “สติ” สังคมกลับมาแล้ว
คนเห็นต่างกันได้ แต่ไม่ควรใช้ความรุนแรงต่อกัน
หลังจากนั้นไม่กี่วันได้เกิดเหตุภายในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อยู่ที่บูธคณะก้าวหน้าก็มีคนบุกเข้าทำร้าย
สุดท้ายก็ต้องใช้กฎหมายจัดการ ดำเนินการทั้งแพ่งและอาญา เพื่อมิให้ใครใช้ความรุนแรงตามอำเภอใจ
ย้อนกลับมาที่เวทีเดี่ยว 13 ของโน้ส-อุดม ในช่วงเวลาล้อเลียนลุงตู่ เนื้อความที่ปรากฏหากแยกแยะ และพิจารณาด้วยสติ มีอะไรหลายๆ อย่างที่ช่วยทำให้ฉุกคิด
เรื่องที่ทุกอาชีพล้วนมีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น รปภ. หรือคนขับเครื่องบิน แต่จะให้ รปภ.ที่มีความชำนาญอย่างหนึ่งไปขับเครื่องบินที่ต้องใช้ความชำนาญอีกอย่างหนึ่งนั้น มันเสี่ยงเกินไป
เรื่องคนที่ต้องรับบทบาทที่ตัวเองไม่มีความรู้ความสามารถ จึงต้องใช้การแสดงมากลบเกลื่อนจุดอ่อน นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าคิด
ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญที่มีประชาชนเป็นเดิมพันยิ่งน่าคิด
หรือเรื่องเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ 20 ปี ที่แม้จะมีเนื้อหาหนาปึ้ก และกำหนดนั่นกำหนดนี่ไว้มาก แต่สุดท้ายแล้วคนไทยยังมองไม่เห็นว่าอนาคตของประเทศจะไปอยู่ตรงไหน
ไม่รู้ว่ายุทธศาสตร์ชาติไม่เจ๋ง หรือผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติไม่เก่ง จึงทำให้ความเชื่อมั่นของผู้คนไม่เกิด
รวมไปถึงเรื่องคำพูดวาจาของผู้นำ ที่มักบอกเสมอว่า “ผมไม่ได้อยากทำ” ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ ล้วนสั่งสมทำให้ประชาชนเกิดความสงสัยว่าจะนำพาประเทศไปรอดไหม
ยังมีข้อมูลในช่วงวันเกิดของลุงตู่ที่มีคอมเมนต์จากสังคมในข่าวที่โน้ส-อุดมบอกว่าเป็นเอกภาพอย่างไม่น่าเชื่อ
เสียงสะท้อนเหล่านี้ น่าจะช่วยให้มองเห็นมุมมองจากสังคม ที่แตกต่างจากคนใกล้ชิดซึ่งมีแต่คำอวยพร
ในถ้อยความถ้อยคำดังกล่าว ยังมีข้อเสนอที่แนะนำให้คิด
นั่นคือการเปิดทางให้ผู้โดยสารเลือกกัปตันเครื่องบินเอง ไม่ใช่มอบอำนาจให้คนแค่ 250 คนที่เป็น ส.ว.มากำหนดตัวนายกรัฐมนตรี
ประเด็นเหล่านี้ น่าคิดไหมว่าทำไมพอโน้ส-อุดม พูดจึงมีคนขานรับ บางทีข้อมูลดังกล่าวอาจจะดังกระหึ่มอยู่ในสังคมไทยในขณะนี้ เพียงแต่โน้สอาสาเป็นตัวแทนผู้คนออกมาบอกเล่าในรูปแบบทอล์กให้รัฐบาลฟัง
เสียงสะท้อนแบบนี้ หากใช้สติในการรับฟัง แยกแยะเนื้อหา แล้วคัดเรื่องน่าคิดมาปรับปรุงการบริหาร รัฐบาลน่าจะได้ประโยชน์
โดยเฉพาะช่วงที่เป็นขาลง และมองหาทางลงที่ราบรื่น การรับฟังน่าจะดีกว่าการตอบโต้
มาถึงวันนี้ ไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลได้ฟัง โน้ส-อุดม เดี่ยว 13 หรือยัง
ถ้ายังก็ไปเปิดฟัง หรือถ้าฟังแล้วโกรธก็สมควรกลับไปเปิดฟังใหม่อีกรอบ
ฟังแล้วตอบคำถามง่ายๆ ว่าใช่ หรือ ไม่ใช่
ความเห็นที่เขาสะท้อนนั้นเป็นประโยชน์หรือเป็นโทษต่อประเทศชาติและประชาชน
กลับไปฟังอีกรอบ บางทีอาจจะมองเห็นอะไรบางอย่างที่แฝงอยู่
อย่ามองเฉพาะโน้ส-อุดมคนพูด แต่อยากให้มองผู้ชมที่รับฟังด้วย
มองปฏิกิริยาสังคมที่ปะทุขึ้นหลังมีกองเชียร์มาตอบโต้
มองอย่างมีสติ แล้วหาคำตอบจากปรากฏการณ์ บางทีอาจซาโตริหนทางแก้ปัญหาหลายอย่างที่เรื้อรังในสังคมมาตลอด 8 ปี
ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรง ความเกลียดชัง ความไม่ยุติธรรม ความขัดแย้ง และอื่นๆ
ลองเปิดฟังโน้ส-อุดม อีกรอบ แล้วหวนกลับไประลึกถึงอดีต
อาจพบคำตอบว่า เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร
นฤตย์ เสกธีระ
[email protected]