| ผู้เขียน | สมคิด เรืองณรงค์ |
|---|
ไล่จับหมูเถื่อนแบบไหน…มีขายออนไลน์เกลื่อนเมือง
สถานการณ์หมูเถื่อนเกลื่อนเมืองที่เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูตั้งข้อสังเกตจากความผิดปกติในปริมาณเนื้อหมูของพื้นที่ภาคเหนือ สวนทางยอดขายหมูมีชีวิตของเกษตรกรที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ กระทั่งไล่เรียงจนพบว่ามีการลักลอบนำ “หมูเถื่อน” แช่แข็งเข้ามาโฆษณาขายกันเต็มโลกออนไลน์ ท้าทายกฏหมายและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองแบบไม่สนไม่แคร์ และมันกำลังส่งผลกระทบต่อเกษตรกรคนเลี้ยงหมูของไทยอย่างน่ากังวล
5 สมาคมผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศทนไม่ไหว ถึงกับตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมเชิญ กรมปศุสัตว์ร่วมโต๊ะ ถกกันว่าจะแก้ไขสถานการณ์ที่เย้ยกฏหมายอย่างไรให้เด็ดขาด เพราะหมูเถื่อนนั้นมีอันตรายรอบด้าน ตั้งแต่การเป็นพาหะนำโรค ASF ที่กำลังระบาดในสหภาพยุโรป เข้ามาซ้ำเติมหมูไทยที่กำลังควบคุมสถานการณ์ได้ รวมถึงการส่งผลให้ผู้บริโภคไทยต้องตายผ่อนส่งไปกับสารตกค้างในหมูนำเข้าที่ไม่ผ่านการตรวจโรค
ภายหลังการควบคุมสถานการณ์ ASF ในประเทศไทย ภาครัฐและผู้ประกอบการต่างร่วมมือร่วมใจกันส่งเสริมให้เกษตรกรเร่งลงหมูเข้าเลี้ยง เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตสุกรให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ซึ่งจะช่วยให้ระดับราคาหมูเข้าสู่ภาวะสมดุลตามปกติ ทำให้เกษตรกรายย่อย-รายกลางมีการทยอยลงหมูเข้าเลี้ยงแล้วกว่า 1 ล้านตัวตั้งแต่ไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ผลผลิตทั้งหมดจะทอยออกมากขึ้นในราวไตรมาสที่ 4 /65 ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น หากรัฐยังไม่สามารถปราบปรามหมูเถื่อนได้ ย่อมส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูไทยให้ขาดทุนอย่างย่อยยับจากราคาขายที่ไม่คุ้มทุน และจะนำไปสู่การหันหลังเลิกอาชีพเลี้ยงหมูไปตลอดกาล สุดท้ายประเทศไทยจะไม่มีผู้ผลิตหมู และไร้ซึ่งความมั่นคงทางอาหารในที่สุด
ที่ผ่านมา อธิบดีกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรฯ มีรายงานการตรวจจับหมูเถื่อนบ้างเป็นครั้งคราว ในปริมาณเล็กน้อย พอให้เห็นว่ามีการดำเนินการในเรื่องนี้ ขณะที่ อธิบดีกรมศุลกากร สังกัดกระทรวงการคลัง ก็ยืนยันแข็งขันตนปฏิบัติหน้าที่ดีแล้ว เข้มงวดแล้ว ไม่มีหรอกที่จะสำแดงเท็จเข้ามาเป็นตู้คอนเทนเนอร์ ยังดีอยู่บ้างที่ ผอ.สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี บอกว่าได้ออกคำสั่งเวียนให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าประเภทสุกรเลี่ยงภาษีอากรมากขึ้น รวมทั้งการสำแดงเท็จจากสินค้าสุกรเป็นสินค้าประเภทปลาอย่างจริงจัง ล่าสุด ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกมากำชับสั่งการ “กรมปศุสัตว์” อีกครั้งให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
หลังการแถลงข่าวของ 5 สมาคมหมู กับความแข็งขันของ รมว. น่าจะทำให้ผลลัพธ์ของการผนึกกำลังตรวจสอบ จับกุมหมูเถื่อนเป็นไปด้วยดี และน่าจะทำให้ “หมูเถื่อน” ไม่มีกักเก็บไว้ตามห้องเย็น หรือกระจายขายในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศแล้ว แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็ยังพบหมูนำเข้าจากต่างประเทศวางขายอยู่เกลื่อนเมืองเช่นเดิม
เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูใน จ.ฉะเชิงเทรา รายหนึ่งระบุว่าเพิ่งลงหมูเข้าเลี้ยงเพิ่มไม่นานก็พบว่ามีหมูเถื่อนเข้ามาจำหน่ายในราคาต่ำกว่าต้นทุนที่ตนแบกรับอยู่ และเจ้าของเขียงหมูก็ซื้อหมูของตนน้อยลง แสดงว่าหมูลักลอบนำเข้าต้องมีปริมาณมากถึงมากที่สุดจึงสามารถส่งผลกระทบถึงตลาดรวมของหมูไทยได้เช่นนี้ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการผลิตหมูของเกษตรกรไทยเลย
“เห็นแล้วก็ท้อใจ เราตั้งใจเลี้ยงหมูอย่างดีป้องกันโรคและทำตามาตรฐานทุกอย่าง แต่ในโซเชี่ยลกลับมีการขายหมูเถื่อนราคาถูกอย่างอิสระและเต็มที่มาก เป็นหมูจากประเทศที่กำลังมี ASF ระบาด ซึ่งเสี่ยงมากที่จะนำเชื้อเข้ามาระบาดซ้ำในไทยนั่นคือหายนะของแท้ นี่ยังไม่นับการตายผ่อนส่งกับสารเร่งเนื้อแดงที่คนไทยในประเทศจะได้รับด้วย”
แนวทางการตัดตอนไม่ให้หมูเถื่อนเข้าสู่ราชอาณาจักรไทย หรือป้องกันช่องทางการซื้อขายเพื่อลดการกระจายของหมูเหล่านี้มีด้วยกันหลากหลายวิธี ทั้งการตรวจจับตามชายแดนและท่าเรือ ตลอดจนสอดส่องห้องเย็นต่างๆ ทั้งที่เก็บเนื้อสัตว์ทั่วไปและเก็บอาหารทะเล เพราะขบวนการนี้จำเป็นต้องใช้ห้องเย็นในการเก็บสต็อกสินค้า
รวมถึงติดตามเบาะแสจากร้านชาบู หมูกระทะ เพื่อสาวไปให้ถึงแหล่งที่มาของเนื้อหมู ย่อมเป็นการตรวจสอบเส้นทางการค้าหมูเถื่อนได้ดี แม้ล่าสุด เครือข่ายขายหมูในเฟซบุ๊คที่มีการซื้อ-ขายกันมาก่อนหน้านี้ ต่างก็ย้ายไปสั่งซื้อกันผ่านทางโทรศัพท์ หรือ Line เพื่อหลบเลี่ยงการติดตามของเจ้าหน้าที่ ก็ถือเป็นหน้าที่ที่รัฐต้องสนธิกำลังทุกภาคส่วนดำเนินการอย่างถึงที่สุด
การสอดส่องป้องกันและตรวจจับตั้งแต่ต้นทางไม่ให้หมูเถื่อนเข้ามาสู่เขตแดนของไทย สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงวันนี้ก็ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไล่ตรวจจับกันแบบไหน มีความร่วมมือกันระหว่างกรม-กองในกระทรวงเกษตรฯ ตามคำสั่ง รมว.หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรมปศุสัตว์ที่ดูแลเนื้อหมู กับกรมประมงที่ดูแลห้องเย็น มีการผสานความร่วมมือไปยังกระทรวงคลัง ต้นสังกัดกรมศุลกากรหรือเปล่า … เกษตรกรคนเลี้ยงหมูทั่วประเทศ กำลังจับตาดูการ “ทำงานเป็นทีม” ของภาครัฐ ขอแค่อย่าให้มีเจ้าหน้าที่ละเลยเพิกเฉย
เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ หรือ มีผลประโยชน์ทับซ้อนเข้ามา เชื่อว่าปัญหาหมูเถื่อนเกลื่อนเมืองจะคลี่คลายได้ในไม่ช้า
