ผู้เขียน | กล้า สมุทวณิช |
---|
การปะทะกันระหว่างผู้คนต่างวัฒนธรรมในสังคมที่น่าสนใจในช่วงประมาณครึ่งปีที่ผ่านมา คือศึกระหว่าง “คนชั้นกลางวัยทำงาน” กับบรรดา “พวกวัยรุ่นสร้างตัว”
“คนชั้นกลางวัยทำงาน” ที่อาจนิยามง่ายๆ ว่าหมายถึงผู้คนที่ผ่านระบบการศึกษามาในระดับปริญญาตรีขึ้นไป อยู่ในตลาดงานเป็นพนักงานกินเงินเดือนซึ่งรวมเจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้ประกอบการระดับเริ่มต้น
ส่วนชาว “วัยรุ่นสร้างตัว” และชาว “ทรงเอ–ทรงซ้อ” นั้นอาจเป็นการตั้งชื่อเรียกที่เหมารวมผู้คนกลุ่มหนึ่งที่มีแนวทางการใช้ชีวิตและวัฒนธรรมที่ออกจะเข้าใจได้ยากสักหน่อยสำหรับคนกลุ่มแรก ทั้งมุมมองด้านความงามอย่างสไตล์การแต่งตัว แต่งหน้า หรือทำศัลยกรรมทรงเดียวกัน (ที่ในสายตาของคนนอกมองว่ามันดูตลกหรือน่ากลัวมากกว่าสวยน่ารัก) และการใช้ชีวิตเช่นการประโคมใส่เครื่องประดับและข้าวของราคาแพงเพื่ออวดร่ำอวดรวย แต่กลับมีวิถีชีวิต มุมมอง และมารยาทที่ดูแล้วไม่น่าจะมีพื้นเพว่าน่าจะมีความรู้อะไรมากนัก แม้แต่ชื่อเรียกยี่ห้อ “ของแพง” ที่พวกเขายังออกเสียงไม่ถูกเลยด้วยซ้ำ
ส่วนความร่ำรวยที่แสดงออกมา ก็น่ากังขาว่ามาจากธุรกิจการงานสีดำหรือสีเทา ซึ่งคนกลุ่มนี้เองก็เปิดเผยด้วยว่าหลายคนก็เคยมีประสบการณ์ติดคุกติดตาราง ด้วยคดีฉ้อโกงหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ถ้ามีคนตั้งข้อสงสัยถึงที่มาของรายได้ หรือติเตียนพฤติกรรมต่างๆ และทรรศนะตรรกะที่เหมือนจะผิดเพี้ยนของพวกเขา ก็จะถูกตอบโต้ว่า “ไม่ลำบากอย่าปากดี” (มาสั่งสอนพวกเขา)
ผู้คนเหล่านี้จึงถูกเรียกเหมารวมด้วยชื่อที่พวกเขาและเธอไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก “วัยรุ่นสร้างตัว” มาจากสติ๊กเกอร์ยอดนิยมที่พวกเขานิยมติดไว้ท้ายรถ “ทรงเอ” ที่ย่อมาจากคำว่า “เอเยนต์” ที่หมายถึงตัวแทนกระจายสินค้าผิดกฎหมายที่ส่วนใหญ่จะเป็นยาเสพติด ส่วนสาว “ทรงซ้อ” ที่เป็นเหมือนคู่ของหนุ่มทรงเอ
จริงๆ วิถีชีวิตของผู้คนกลุ่มวัยรุ่นสร้างตัวและทรงเอทรงซ้อกับวิถีคนชั้นกลางวัยทำงานนี้ควรจะแยกกันห่างๆ แบบต่างคนต่างอยู่ ไม่น่าจะมาบรรจบพบเจอกันได้ หรืออย่างมากที่เป็นไปได้ก็อาจจะเป็นการกระทบกระทั่งกันบนท้องถนนจากพฤติกรรมการขับขี่และแต่งรถที่ “เฉพาะตัว” ของกลุ่ม “วัยรุ่นสร้างตัว” (ที่คนส่วนหนึ่งจำชื่อนี้ได้และสาปส่งเพราะสักครั้งบนทางด่วนหรือถนนเส้นชานเมือง จะต้องเคยถูกปาดหน้า ไล่จี้ หรือพ่นควันดำใส่จากรถที่ติดสติ๊กเกอร์นี้)
สงครามดราม่ามาปะทุจริงจังในช่วงไม่กี่เดือนหลังของปีที่ผ่านมา เริ่มมีคอนเทนต์อวดร่ำอวดรวยจากคนในกลุ่มนี้ ที่พยายามสื่อว่า แม้พวกเขาจะไม่ได้เรียนหนังสือมาสูง แต่ก็มีรายได้ดีกว่าคนเรียนจบปริญญาตรีเสียอีก เริ่มต้นด้วยโพสต์ที่เป็นเหมือนการประกาศศึกระหว่างคนสองวัฒนธรรม “คนจบปริญญา… ทำงานได้เงินเดือน 15,000 บางคนเรียนจบไม่สูง แต่เงินเดือน 50,000 มันคือเรื่องจริง!”
โพสต์นี้เดือดและเป็นเหมือนการประกาศสงคราม กับคนกลุ่ม “ชนชั้นกลางวัยทำงาน” นั่นก็เพราะเงินเดือน 15,000 บาทนั้น เป็นเหมือนอัตราเงินเดือนเริ่มต้นของข้าราชการและพนักงานบริษัทที่มีวุฒิปริญญาตรีและไม่มีประสบการณ์หรือวุฒิพิเศษเฉพาะ ส่วน 50,000 บาทนั้น ก็ใกล้เคียงกับฐานเงินเดือนเฉลี่ยของพนักงานบริษัทเหล่านั้นที่มีอายุงาน 10 ปีขึ้นไป และได้ขึ้นเป็นหัวหน้างานแล้ว
คุณพิเชฐ ยิ่งเกียรติคุณ คอลัมนิสต์ออนไลน์ชื่อดังท่านหนึ่งได้โพสต์เฟซบุ๊กของเขาซึ่งเป็นการสรุปเรื่องนี้ไว้อย่างดีว่า “หลังๆ วัยรุ่นสร้างตัว จะมีคำคมหนึ่งที่แชร์กันคือ ‘ไม่อยากอยู่รับบำนาญ แต่อยากอยู่เป็นตำนาน’ พวกนี้ส่วนนึงจะเป็นทรงเอ–ทรงซ้อ ที่บางทีก็ทำธุรกิจทั้งเทาๆ หรือดำๆ ดำๆ ก็พวกยาเสพติดทั้งระดับทรงเอหรือทรงหัวจ่าย (หมายถึงตัวกระจายยาเสพติด) การพนันออนไลน์ ปั่นสลอต ส่วนเทาๆ ก็พวกแชร์ลูกโซ่พวกครีมเครื่องสำอางและอาหารเสริม บ้านออมเงิน โปรโมตเว็บพนัน เทรด ForEx”
“ถามว่าพวกเขารู้ว่ามันผิดไหม แน่นอนว่ารู้ 100% แต่ไลฟ์สไตล์ชีวิตที่เขาอยากไปถึงมันยาก ต่อให้เป็นพนักงานกินเงินเดือนมันก็ยาก รู้ไหมว่าแชร์ลูกโซ่ก็รู้ แต่คิดว่าตัวเองจะฉลาดพอที่ลุกออกทัน หรือหอบเงินหนีทัน”
“ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนนึงก็โดนล่อหลอกด้วยค่านิยม ‘ชีวิตดี๊ดีแบบJpeg’ ได้ถ่ายรูปกับซุปเปอร์คาร์ มีบ้านหลังใหญ่ กินโอมากาเสะ เที่ยวพูลวิลล่าแล้วเอาไปเขียนคำคมไลฟ์โค้ชในการดึงให้คนเข้ามาสู่ลูปของตัวเอง…”
ถ้าลองพิจารณากันว่าชีวิตของ “วัยรุ่นสร้างตัว” หรือ “ทรงเอ–ทรงซ้อ” เหล่านี้ ส่วนใหญ่คือคนระดับล่างในสังคมที่ถูกกดทับด้วยความเหลื่อมล้ำทั้งการศึกษา สถานะทางสังคม และสภาพแวดล้อมที่เป็นผลต่อโอกาสที่พวกเขาจะลืมหน้าอ้าปากจากการงานอันสุจริตนั้นเป็นเรื่องยาก เมื่อเขาค้นพบช่องทางในการสร้างรายได้และความมั่งคั่งได้ที่เขาเชื่อว่านั่นเป็นการเอาชนะพวกคนชั้นกลางที่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ ทำงานดีๆ มีเงินเดือน ความภาคภูมิใจว่าในที่สุดเขาก็ไล่คนกลุ่มนี้ได้ทัน ก็ปรากฏออกมาในรูปแบบของการอวดร่ำอวดรวยอย่างล้นเกิน
แม้แต่การตั้งชื่อลูกว่า “น้องออนิว” (หนึ่งในสติ๊กเกอร์ยอดนิยมสำหรับคนกลุ่มนี้มีครอบครัว คือ “แม่น้องออนิว”) เองก็คือความภาคภูมิใจที่เขาสามารถซื้อรถปิกอัพ (รุ่น All New ต่างๆ) มาได้ด้วยเงินที่พวกเขาหามา ซึ่งจริงๆ ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่น่าล้อเลียนสักเท่าไร เพราะการที่เขาหลงผิดไปสู่เส้นทางด้านมืดหรือด้านเทานั้นจะว่าไปก็อาจจะเป็นปัญหาในเชิงโครงสร้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม “พวกเรา” ที่หมายถึงผู้ที่มีความตื่นรู้เรื่องความเท่าเทียมและความเหลื่อมล้ำเช่นนั้น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะผสมโรงล้อเลียนผู้คนเหล่านี้ในโพสต์และในเพจต่างๆ นั้นเหมือนเพลิดเพลินอยู่ในห้วงบาปที่รู้ก็รู้
ส่วนหนึ่งที่ทำให้บรรดาคนชั้นกลางทั้งหลายรู้สึกขาดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ (Empathy) นั้นอาจเป็นเพราะรู้สึกว่าความพยายามและความเชื่อทั้งหลายของพวกเรานั้นถูกหมิ่นหยามเหยียบย่ำ
ความเชื่อว่าจะต้องตั้งใจเรียนหนังสือหรือหาประสบการณ์สร้างทักษะต่างๆ ให้เต็มที่ตามโอกาสและความสามารถ เพื่อจะได้ไปประกอบสัมมาอาชีพและสั่งสมแสวงหาความมั่งคั่งไปตามครรลอง แต่การปรากฏตัวขึ้นมาและความ “โอหัง” ของชาววัยรุ่นสร้างตัวนี้ก็เป็นการดูถูกความพยายามและความเชื่อของเรา
เช่น ที่คุณพิเชฐขยายความเพิ่มเติมเรื่องนี้ว่า “เอาจริงมันไปกระทบสิ่งที่เราถูกปลูกฝังว่า การศึกษาและการทำงานหนักมันเป็นทางออกเดียวของความยากจน ในขณะที่เราก้มหน้าเดินในระบบแต่คนพวกนี้มัน ‘แฮก ระบบ’ ว่าทำแบบนี้ก็รวยได้ แล้วอีกข้อคือเราบางคนกล้าวิจารณ์กล้าชนกับคนกลุ่มนี้ เพราะเราไม่มีแรงพอจะไปชนกับคนตัวใหญ่แบบบิ๊กๆ หรือตอๆ” (ที่เป็นตัวการใหญ่ของธุรกิจสีดำและสีเทาเบื้องหลังชาวทรงเอทรงซ้อ)
เขาจึงสรุปว่า สงครามชนชั้นในเน็ตเรื่องนี้ มันคือ “ความริษยาของคนชั้นกลางที่มันแฮกระบบไม่ได้เพราะติดกรอบศีลธรรม” นั่นเอง
แล้วพวก “บิ๊กๆ ตอๆ” ที่อยู่เบื้องหลังวัยรุ่นสร้างตัว ทรงเอ–ทรงซ้อ และแม่น้องออนิวนี้เป็นใครหรือมาจากไหนอย่างที่ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ราวปีถึงสองปีมาแล้ว เป็นยุคเฟื่องฟูของธุรกิจสีดำและสีเทา
“ธุรกิจสีดำ” ได้แก่ธุรกิจที่ทั้งผิดกฎหมายและศีลธรรมหรือละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การค้าอาวุธ ยาเสพติด ค้ามนุษย์ รวมถึงการทำธุรกิจฉ้อโกงประชาชน เช่น แชร์ลูกโซ่ที่อำพรางด้วยการเรียกว่าเป็นการลงทุนหรือออมเงิน ส่วน “ธุรกิจสีเทา” นั้นคือธุรกิจที่อาจจะผิดกฎหมายแต่ก็ยังมีข้อถกเถียงได้ เช่น การค้าสิ่งต้องห้ามในประเทศไทยแต่ของนั้นก็ไม่ได้ผิดกฎหมายในทุกรัฐประเทศ (เช่นบุหรี่ไฟฟ้า) สื่อลามกอนาจารในระดับที่ในทางสากลถือว่าไม่ผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับการพนัน และยังรวมถึงธุรกิจที่โดยรูปแบบแล้วอาจจะ “ถูกกฎหมาย” แต่พฤติการณ์ในการประกอบธุรกิจนั้นคลุมเครือหมิ่นเหม่ เช่น ธุรกิจขายตรงที่น่าสงสัยว่ารายได้มหาศาลที่ได้เห็นเป็นเงินที่หมุนเวียนจากการหา
สมาชิกใหม่เข้ามาลงทุนเรื่อยๆ ที่อีกนิดก็จะเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่แล้ว
แต่ที่แย่กว่านั้นคือสังคมที่ยอมรับให้ผู้ทำธุรกิจสีดำและสีเทาสามารถเปิดเผยอวดความร่ำรวยได้ด้วยการฉายโชว์สินทรัพย์แบบรถซุปเปอร์คาร์ เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว หรือวิถีชีวิตที่อวดแสดงเงินสดเป็นฟ่อนเต็มตู้เซฟ หรือการใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไร้เหตุผล ก็กลายเป็นคอนเทนต์ที่เห็นกันได้เกลื่อนเกร่อในโลกโซเชียล เราได้เห็นคนพวกนี้กลายเป็นคนมีชื่อเสียงได้รับการนับถือหรือยำเกรงเพราะความร่ำรวยที่พวกเขาอวดแสดง และอยู่ในที่สว่างได้จนกระทั่งถึงวันที่ความมาแตกเมื่อถูกดำเนินคดี
สิ่งที่พวกเขาอวดแสดง หรือชีวิตดีแบบ Jpeg นี้ก็ยังไปสร้างแรงบันดาลใจอยากได้อยากมี กลายเป็นช่องทางให้ผู้ที่ทำธุรกิจสีดำสีเทาสามารถเชิญชวนผู้คนมาเข้าร่วมขบวนการ เพื่อให้ผู้คนกลายเป็นทั้งเหยื่อและมือไม้ของพวกเขาไปในตัว ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงให้ลงทุน ร่วมลงทุนในธุรกิจที่คลุมเครือ หรือแม้แต่พลัดหลงเข้าสู่โลกของการพนันออนไลน์
“วัยรุ่นสร้างตัว” ชาว “ทรงเอ–ทรงซ้อ” และ “แม่น้องออนิว” คือเครือข่ายระดับล่างสุดของธุรกิจสีดำและสีเทาที่ว่านี้
ธุรกิจสีดำและสีเทาโดยปกติก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่แล้ว เพราะธุรกิจพวกนี้ระดมเงินในระบบจากผู้คนจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวเข้าไปสู่ธุรกิจที่ไม่ได้ก่อให้เกิดผลิตภาพใดๆ ต่อสังคม หมุนเวียนเงินกันไปมาจนในที่สุดก็ไปจบที่ตัวการใหญ่ที่สุดไม่กี่คน การสร้างกิจการบังหน้าฟอกเงินกลายเป็นคู่แข่งที่ต่อสู้ได้ยากของธุรกิจ “สีขาว” ที่ถูกกฎหมาย ด้วยทุนมหาศาลที่สามารถตัดราคาหรือทุ่มตลาดเลยก็ได้เพราะไม่ได้หวังผลกำไรอะไรอยู่แล้ว
ไม่นับรวมผลกระทบต่อสังคมในด้านอื่นๆ เช่น การพนันออนไลน์ที่ทำให้ผู้คนหมดเนื้อหมดตัว จนต้องผลักดันชีวิตไปสู่จุดที่เลวร้ายที่สุด บ้างก็เลือกความตาย หรือก่ออาชญากรรมอื่นๆ อย่างที่ได้ผ่านตาว่ามีข่าวเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริตยักยอกเงินหลวง เพราะเสียเงินไปกับการพนันออนไลน์จนหมดตัว
การปะทะกันระหว่าง “คนชั้นกลางวัยทำงาน” กับบรรดา “พวกวัยรุ่นสร้างตัว” ก็คือผลพวงอย่างหนึ่งของธุรกิจสีดำและสีเทาที่กำลังทำลายสังคมเราทั้งทางตรงและทางอ้อมจากส่วนบนลงมาตรงกลาง และจากล่างขึ้นไปบรรจบกัน
กล้า สมุทวณิช