ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
นายกฯ พูดหลายครั้งว่าอยากสนับสนุนคนไทยทุกคนรักการอ่าน เพราะการอ่านเป็นพื้นฐานสร้างแนวคิดของคนให้มีเหตุมีผล มีสติปัญญาในการแก้ปัญหาของตนเองให้ลุล่วง
[ขอแนะนำนายกฯ หามาอ่านโดยเร็ว คือ อ่าน วารสารเพื่อการอ่าน ของ ไอดา อรุณวงศ์ บรรณาธิการ]
แต่ไม่ใช่อ่านจากแหล่งเดียวตามที่ถูกกำหนดด้วยอำนาจนิยมในรัฐราชการเผด็จการทหาร เช่น อ่านแล้วท่องค่านิยม 12 ประการ ฯลฯ ต้องอ่านจากหลากหลายแหล่งแล้วเปรียบเทียบข้อมูลความรู้และความเห็น
ขณะเดียวกันก็สนับสนุนและผลักดันอย่างเป็นรูปธรรม ให้เข้าถึงสื่ออย่างสะดวกง่ายดายเพื่อการอ่าน, ดู, ฟัง และเพื่อสร้างสรรค์ ดังที่มติชนมีบทนำ (ฉบับวันอังคาร 27 ธันวาคม 2559 หน้า 2) จะคัดตอนสำคัญมาดังนี้
“การอ่านเป็นที่ยอมรับว่ามีผลต่อการพัฒนาระบบความคิด ภูมิปัญญาทุกแขนง สั่งสมไว้ในรูปของหนังสือมาหลายชั่วคน ผู้ที่อ่านมากและอ่านในสิ่งที่เป็นประโยชน์ จะมีต้นทุนทำให้รับความรู้ใหม่ๆ ได้ง่าย
ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้า ความรู้บางส่วนย้ายไปอยู่ในรูปของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และในเว็บไซต์ต่างๆ ขณะที่แนวโน้มสังคมชอบที่จะ ‘ดู’ จากสมาร์ทโฟนและจอเครื่องมือถือมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจขาดการทำความเข้าใจด้านลึก และเกิดสภาพการใช้ ‘ความรู้สึก’ นำเหตุผลหรือความรู้ ดังที่นายกฯกล่าว
รัฐใดที่ต้องการพลเมืองคุณภาพ ย่อมส่งเสริมการอ่าน นอกจากแนะนำให้อ่านแล้วยังต้องสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมให้ประชาชนเข้าถึงสื่อเพื่อการอ่านได้ง่ายขึ้น ทั้งหนังสือและคอมพิวเตอร์ รวมถึงส่งเสริมอิสระในการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อการอ่านไปพร้อมๆ กันด้วย
เพราะการอ่านจากแหล่งเดียว ขาดการเปรียบเทียบข้อมูลความเห็น ผลที่จะงอกงามจากการอ่านก็ยากจะบังเกิด”
ยิ่งอ่านมาก ยิ่งเปรียบเทียบมาก ยิ่งมีโอกาสเข้าใจและเข้าถึงจนรู้เท่าทันโลกและชีวิต มากขึ้น แล้วเห็นตัวตนเล็กลง ยิ่งเกื้อกูลให้มีความอ่อนน้อมถ่อมตนทางปัญญา แล้วสร้างโอกาสให้ตนเองกว้างขวางกว่าปกติ มีกรณีตัวอย่างในการรับคนเข้าทำงานของกูเกิล ดังนี้
ความอ่อนน้อมถ่อมตนทางปัญญา
การรับสมัครคนเข้าทำงานในบริษัทดังระดับโลก “กูเกิล” ซึ่งเป็นสถานที่ใฝ่ฝันของคนทำงานเจเนอเรชั่นยุคสมัยนี้อย่างยิ่ง หัวหน้าฝ่ายเอชอาร์ของกูเกิล ลาซ โลบ๊อก เป็นคนให้สัมภาษณ์เปิดเผยถึงวิธีการเฟ้นคนเข้าทำงานในบริษัท
เขาบอกว่าการคัดเลือกคนเข้าทำงานในกูเกิล ไม่สนใจหรือให้ความสำคัญกับโปรไฟล์ส่วนตัวที่หรู ดูดี มีเกรดเฉลี่ยสูงๆ หรือเป็นผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับแถวหน้าของประเทศ
แต่คนที่เขาเลือกเข้าทำงานด้วยนั้น เขาเน้นเลือกหาคนที่สามารถจะเรียนรู้ สามารถปรับตัวทันท่วงที ไม่ใช่คนที่ผ่านการทำกิจกรรมเป็นผู้นำชมรม หรือหัวหน้าในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย แต่คัดเลือกหา “คนที่จะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำได้ในยามที่มีสถานการณ์จำเป็น”
ที่สำคัญยิ่ง คือ ต้องเป็นคนที่มี “ความอ่อนน้อมถ่อมตนทางปัญญา”
โลบ๊อก บอกว่า ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำนั้น มักขาด “ความอ่อนน้อมถ่อมตนทางปัญญา” และยิ่งคนที่เพิ่งเรียนหนังสือจบได้เกรดเฉลี่ยสูงๆ ประสบความสำเร็จในช่วงอายุยังน้อย อาจจะปรับตัวยากในการเรียนรู้อะไรที่ท้าทาย เพราะคนแบบนี้ยอมรับความล้มเหลวไม่ได้ หรือไม่ยอมรับความล้มเหลว นั่นเอง
“ความอ่อนน้อมถ่อมตนทางปัญญา” ที่กล่าวถึง คืออะไร
หัวหน้าฝ่ายเอชอาร์ของกูเกิล อธิบายว่า คนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนทางปัญญา คือ คนที่มีพฤติกรรมสามารถจะยอมถอย และรับฟังความคิดคนอื่นๆ ถ้าไม่มีสิ่งนี้ยากที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ
[จากข้อเขียน “เรื่องที่ทำไม่เป็นในสังคมไทย” คอลัมน์ สามัญสำนึก ของ สกุณา ประยูรศุข พิมพ์ในประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันจันทร์ 19-วันพุธ 21 ธันวาคม 2559 หน้า 2]