ตะลอนกรุงฯกับนิสสัน อีโคคาร์ที่คุ้นเคย กับระบบอินโฟเทนเมนต์ใหม่

เป็นที่รู้กันว่าตลาดอีโคคาร์ เป็นตลาดหลักที่สร้างการประสบความสำเร็จของนิสสันมานาน ตั้งแต่การนำนิสสันมาร์ชเข้ามาขาย จนประสบความสำเร็จ ตามมาด้วยรถซีดานอีโคคาร์อย่างอัลเมร่า ก็ขายดิบขายดี ล่าสุดคือ นิสสันโน๊ต รถ แฮตช์แบ็ก 5 ประตู ภายในที่กว้างขวางที่สุดในรุ่นและระดับราคาใกล้เคียงกัน ทั้งยังอัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยี่ช่วยเหลือการขับขี่และความปลอดภัย

ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา การช่วงชิงตลาดรถอีโคคาร์เป็นไปอย่างหนัก นิสสันในฐานะที่อยู่ในตลาดนี้มานานก่อนใคร จึงทำให้ต้องปรับตัวด้านการตลาด และพยายามสร้างจุดเด่นเพิ่มเติมเข้าไปในตัวรถอยู่ตลอดเวลา เพื่อรักษายอดขายในระดับต้นของตลาดไว้ให้ได้

ล่าสุด Nissan ได้จัดกิจกรรม “เลทส์ มูฟ” (Let’s Move) โดยเป็นการนำเอารถอีโคคาร์ 2 รุ่นคือนิสสันโน๊ตและนิสสันอัลเมร่า ซึ่งมีการปรับปรุงใส่ระบบอินโฟเทนเมนท์ใหม่เข้ามาในตัวรถ มีหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ ทั้ง ระบบ iOS ผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto จากสมาร์ทโฟน พร้อมการเชื่อมต่อแบบแฮนด์ฟรี แอพพลิเคชันระบบนำทาง สามารถควบคุมการโทรออก รับส่งข้อความ เล่นเพลง วีดีโอ ตรงนี้มีข้อดีคือเรื่องช่วยเพิ่ม ความปลอดภัยในการขับขี่

Advertisement

ในส่วน นิสสัน โน๊ต มีเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – i-AVM) เทคโนโลยีตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนเมื่อมีวัตถุ หรือบุคคลเคลื่อนไหวขณะถอยหลังจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) ตรงนี้จะให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นได้ทุกจุดรอบคัน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่คับแคบ ต้องเลี้ยวไปจอดในที่จอดรถแคบๆ หรือต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่การจราจรติดขัด หนาแน่น ตรงนี้ก็ช่วยตอบโจทย์ได้ดี และหาไม่ได้ในอีโคคาร์รุ่นอื่นๆ

นิสสัน โน๊ต ยังมีเทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning – LDW) และระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Forward Collision Warning – FCW) ซึ่งจะตรวจจับเมื่อรถหลุดออกจากเลนในขณะขับขี่

ขณะที่นิสสัน อัลเมร่า มีกล้องมองหลัง (Rear-View Mirror Monitoring) ช่วยให้เห็นมุมมองด้านหลังที่ชัดเจน

Advertisement

นิสสัน อัลเมร่า และ โน๊ต เป็นรถที่ได้รับการออกแบบภายในให้มีพื้นที่ใช้สอยด้านในที่กว้างขวาง สะดวกสบาย ถือได้ว่าโดดเด่นที่ดีที่สุดที่ให้ในเรื่องพื้นที่การใช้สอยภายใน เมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน

ทริปทดสอบของเรา นิสสันจัดเส้นทางในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้ทดลองขับทดสอบ หลังจากที่นิสสันได้จัดทริปแบบนี้ ที่จังหวัดตรังและที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยทริปนี้เป็นทริปสุดท้าย ความท้าทายคือการเข้าไปสู่้กับการจราจรกรุงเทพฯที่แสนสาหัส

เริ่มต้นที่ ร้านThe Public ย่านเกษตร-นวมินทร์ เริ่มเดินทางในเวลาประมาณ 19.00 น. ช่วงเย็น ของวันอังคาร แถมเป็นช่วงที่กำลังมีฝนตก การจราจรติดขัดระดับหนึ่ง แต่ก็พอเคลื่อนตัวไปได้

นิสสันโน้ตจัดว่าเป็นรถที่ใช้งานง่าย ทัศนวิสัยค่อนข้างดี เรื่องอัตราเร่งและกำลังของเครื่องยนต์ยังคงเป็นเครื่องยนต์รหัส HR12DE 3 สูบแถวเรียง DOHC ขนาด 1,198 ซีซี 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT เป็นตัวเดียวกับนิสสัน อัลเมร่า และนิสสันมาร์ช ที่ทำตลาดในไทยเป็นเวลานานแล้ว ได้รับการพิสูจน์ว่ามีความทนทาน และใช้งานได้จริงในเมือง

เพียงกดคันเร่งเบาๆ นิสสันโน้ตก็พาเราขึ้นทางด่วน ฝ่าฝนตก พื้นถนนที่ค่อนข้างลื่น อัตราเร่งที่ค่อยๆไหลขึ้นตามสไตล์เกียร์ CVT ที่ไม่ได้พุ่งปรี๊ด แต่ก็ค่อยๆเร่งไปจนความเร็วไม่เกินที่กฎหมายกำหนดได้ไม่ยากนัก บวกกับช่วงล่างที่ค่อนข้างนุ่ม บางจังหวะเราก็แอบทดลองเปลี่ยนเลนโดยไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว ระบบเตือนการเปลี่ยนเลนก็จะส่งเสียงเตือนก็ทำงานได้ ป้องกันการหลับใน

ส่วนระบบการแจ้งเตือนการเบรกล่วงหน้า และเบรกฉุกเฉิน ต้องขอบอกว่า ยังไม่ได้ลองครับ และไม่อยากลองด้วย แต่คิดว่าถ้าเกิดเหตุขึ้นมาจริงๆมันก็คงช่วยได้ระดับนึง ทั้งนี้ทั้งนั้นเราขับให้ปลอดภัยเถอะ อย่าไปลองมันเลย

การจราจรที่หนาแน่นเล็กน้อย นิสสันโน้ตพาเราไป ถึงบริเวณถนนพระรามเก้า ที่รถค่อนข้างติด ก่อนจะเดินทาง ต่อไปยังถนนราชปรารภ ช่วงข้ามทางรถไฟก็ได้ทดสอบระบบ idling stop ซึ่งเป็นระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรค ระบบนี้จะช่วยเรื่องการประหยัดน้ำมันนั่นเอง แต่สำหรับการจราจรหนาแน่นในกรุงเทพ แบบนี้ก็อาจจะไม่เหมาะมากนัก เพราะต้องเหยียบเบรกบ่อยครั้ง แต่ผู้ขับก็สามารถเลือกที่จะกดปิดได้

เมื่อมาถึงโรงแรมใจกลางย่านเยาวราช ได้ทดสอบระบบช่วยเหลือการขับขี่จริงๆ เพราะต้องขึ้นไปจอดที่ชั้นสาม และบริเวณถนนทางขึ้นแคบมาก ถ้าเล็งระยะไม่ดี อาจไม่สามารถขับเลี้ยวไปได้ในทีเดียว บางจังหวะต้องจอดแล้วถอยหลังนิดหน่อย เพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้ ตรงนี้เราได้ใช้ระบบกล้องมองภาพ รอบทิศทางของนิสสันโน้ต โดยเฉพาะจังหวะถอยหลัง ทำให้ช่วยผ่านความคับแคบดังกล่าวไปได้อย่างง่ายดาย

โดยสรุปทั้งโน๊ต และอัลเมร่า เป็นรถที่ใช้ได้ในเมืองดีพอสมควร ส่วนจะออกต่างจังหวัดไกลๆ หรือใช้ความเร็วบ้าง ก็สามารถทำได้ แต่ก็ต้องเข้าใจข้อจำกัดของรถเร็วขนาดเครื่องยนต์ ที่อาจไม่ทันใจนัก หากเป็นคนที่กำลังมองหารถใช้ได้ 3-4 คน ห้องโดยสารกว้าง มีเทคโลยีช่วยเหลือการขับขี่มากหน่อย ประหยัดน้ำมันใช้ได้ วิ่งอยู่ที่ในเมืองรถติดๆ ได้ที่ 13-15 กม./ลิตร ส่วนขับชิลๆนอกเมือง อาจได้ถึง 22-23 กม./ ลิตร ในระดับราคา นิสสัน อัลเมร่า รุ่นเริ่มต้นอยู่ที่ 537,000 รุ่น 1.2VL Sportech ราคา 637,000 บาท ขณะที่นิสสัน โน๊ต รุ่น 1.2L V CVT 568,000 บาท รุ่น 1.2L VL CVT 640,000 บาท

สำหรับคนที่สนใจเรื่องหน้าตา ก็ต้องยอมรับอีโคคาร์ของนิสสัน ไม่ได้โดดเด่นที่สุดในตลาด อย่างอัลเมร่าและเครื่องตัวนี้ เราก็เห็นกันมานานมากแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่านิสสันจะจับเอาระบบขุมพลังใหม่ๆเข้ามาเมื่อไหร่อีก แต่ถ้าพูดเรื่องการใช้งานจริง มันก็ใช้ได้ ประหยัดระดับหนึ่ง กว้างขวางระดับต้นของตลาด คุ้มค่าไม่น้อย ส่วนเรื่องบำรุงรักษาก็ค่อนข้างถูก มีปัญหาจุกจิกอะไร ช่างรถยนต์เมืองไทยก็คุ้นเคยกับมันระดับนึง นี่เพราะเขาอยู่มานานนั่นเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image