ภท.ลั่นแก้ ‘หนี้สิน’ ต้องเริ่มด้วยการแบ่งเบา ดันพักต้นพักดอก 3 ปี ให้ธุรกิจฟื้นเดินหน้าต่อ

ภท.มุ่งแก้หนี้สิน พักต้นพักดอก 3 ปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจที่จะสร้างอนาคตให้เศรษฐกิจไทยในอีก 4 ปีข้างหน้าว่า

ปัญหาหลักทุกอุตสาหกรรม คือ เรื่องหนี้สิน หากไม่แก้ไขจะเดินหน้าเศรษฐกิจไม่ได้ดังนั้นต้องปลดล็อคและผ่อนปรนภาระหนี้ แบ่งเบาภาระหนี้สินให้ได้ก่อน พรรคภูมิใจไทย จึงนำเสนอพักหนี้ ทั้งต้นและดอกเป็นเวลา 3 ปี เพื่อให้เวลาภาคธุรกิจได้ใช้เวลาปรับปรุงบริษัท และสามารถกลับมาชำระหนี้สินต่อไป ซึ่งเศรษฐกิจมหภาคก็จะเดินต่อไปได้

“ส่วนเรื่องนโยบายประชานิยม ที่มีการให้ ลด แลก แจก แถม ถามว่าหลักการวันนี้เมื่อให้แล้วก็หมดไป โดยได้ยกตัวอย่าง การให้เงินคนไทยทุกคน 2,000 บาท แต่ต้องทยอยผ่อนจ่ายกลับมา ธนาคารก็ไม่เป็นหนี้เสีย ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ได้ให้เปล่าและไม่หมดไป” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

Advertisement

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายตลาดทุน 3 เรื่องที่จะดำเนินการโดยเร็ว สิ่งสำคัญคือ เรื่องความเชื่อมั่นนักลงทุน ซึ่งมิติการผลักดันให้เกิดการลงทุน คือ ความเชื่อมั่นของประเทศ แต่มีหลายๆเรื่องๆติดข้อจำกัดในการเข้าสู่ตลาดทุน ซึ่งอยู่ที่ระเบียบข้อบังคับที่เกิดขึ้น นักลงทุน ผู้ประกอบการไทยมีความสามารถแต่ติดขัดเรื่องกฎระเบียบ ทำให้สถานการณ์วันนี้ต้องพิจารณาปรับปรุงระเบียบอย่างไร

สำหรับเรื่องของตลาดทุนที่เกี่ยวข้องกับนักลงทุนหรือประชาชนคนหนึ่งที่ได้เฝ้ามองตลาดทุนมาโดยตลอดหลายๆ ปี ไม่ว่าตลาดทุนหรือว่าตลาดหลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นแล้ว ทำมาตั้งแต่ SET – MAI และวันนี้จะมีกระบวนการในการทำเรื่อง Life Exchange ที่ได้มาดูแลในเรื่องของกลุ่ม Startup ในกลุ่มที่เป็น SME ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดีก็ต้องขอบคุณตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอบคุณ ก.ล.ต.ที่ผลักดันในเรื่องแบบนี้

Advertisement

“ ทุกคนพูดเหมือนกันว่า รายใหญ่ๆ รายเล็กๆ จริงๆ ไม่ได้ต่างกันมันอยู่ที่ capacity กับความกระทบหรือผลกระทบที่ได้รับนั้นเป็นอย่างไร ตัวเล็กๆ ก็เจ็บแบบเล็กๆ ตัวใหญ่ๆ ก็เจ็บแบบใหญ่ๆ อย่าไปมองว่ารายใหญ่เขาไม่เจ็บ เขาก็เจ็บเหมือนกัน ผมว่าถ้าเรามองโลกแบบนี้แล้ว เราผลักดันมองในมิติของตลาดทุนแบบนี้ คิดว่าจะช่วยทุกคนได้ “

นายพุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า กระบวนการของตลาดทุน สิ่งแรกคือเรื่องความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มิติของการที่เราจะผลักดันให้เกิดการลงทุนในประเทศคือ ความเชื่อมั่นของประเทศ หลายๆ เรื่องที่บางคนติดข้อจำกัดในเรื่องของการเข้าสู่ตลาดทุน ทำไมสตาร์ทอัพบริษัทใหม่ๆ ถึงต้องไปจดทะเบียน และพยายามไปผลักดันแม้กระทั่งไปตั้งบริษัท ยังต้องไปตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ ทั้งนี้ ต้องกลับมามองว่า มันอยู่ที่ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ที่เกิดขึ้น นักลงทุนไทยผู้ประกอบการไทยเก่ง ถ้าวัดกันตัวต่อตัวเก่งมาก แต่กว่าจะไปสู้คนอื่นได้ เหนื่อย เพราะโดน พันธนาการทางกฎระเบียบของประเทศไทย ดึงแข้งดึงขากว่าจะผ่านไป และไปสู้ต่างประเทศได้ก็หมดแรงแล้ว จึงต้องกลับไปดูว่าสถานการณ์วันนี้เราจะปรับปรุงระเบียบอย่างไร เช่น กฎหมายในเรื่องของการเก็บภาษีหุ้น ขอให้หยุดเลย ชัดเจนฟันธงไม่ต้องไปเก็บ เพราะวันนี้ มูลค่าวันก่อนสองหมื่น วันนี้มาสามหมื่นกว่า ช่วงดีๆ ไม่รู้กี่หมื่น สำหรับวันนี้ไม่ต้องไปถึงหกหมื่นเจ็ดหมื่น วันนี้ยังไม่เก็บยังขนาดนี้ ถ้าไปเก็บอีก แน่นอนว่าสภาพคล่องในตลาดลดลงแน่นอน ผู้ประกอบการรายย่อยอย่างน้อย ถ้าเล่นเองประมาณสองล้านกว่าคนได้รับผลกระทบแน่ และผู้ประกอบการที่เล่นผ่านทางอ้อม อย่างเช่นกองทุนต่างๆ อีกประมาณสิบเจ็ดล้านคน ก็กระทบแน่

“ วันนี้ประเทศไทยต้องการจะเดินหน้าต่อไป พูดเรื่องตลาดทุนที่มีเสถียรภาพ นักลงทุนวันนี้หลายล้านคนเฝ้าดูอยู่ว่า วันนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับการเมือง ผมบอกเลย สถานการณ์และเสถียรภาพทางการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง กับตลาดทุน ความเชื่อมั่นของประเทศมีส่วนโดยตรง ถามว่านักลงทุนเวลาเขาเข้ามา เขาไม่เข้ามาเพราะอะไร เพราะเขาเจอระบบ เจอระเบียบ การโอนเงินเข้า การเอาเงินออก เป็นปัญหากับเขาหมด ถ้าไม่แก้วันนี้ เขาก็วิ่งไปเพื่อนบ้านหมด เขาก็วิ่งไปต่างประเทศหมด “

เรื่องที่สองคือ เมื่อเราจัดระบบ แก้ระบบระเบียบตรงนี้ให้เสร็จแล้ว สิ่งต่อไปในเรื่องของตลาดทุน เราต้องพยายามทำให้ประเทศไทยมีความน่าสนใจ มีความน่าเชื่อถือ เช่น เราพูดถึงโครงการแลนด์บริดจ์ คอคอดกระ ไม่ต้องไปขุดแล้วคอคอดกระ มีปัญหามาไม่รู้กี่สิบปี แต่วันนี้เทคโนโลยีผ่านไปเยอะ เราใช้พื้นที่เดียวกัน แถวระนอง-ชุมพร ทำแลนด์บริดจ์ เราใช้สายพานก็ได้ ใช้ระบบขนถ่ายคาร์โก้ก็ได้ เอาระบบศุลกากรไป เรือที่เข้ามาจากอเมริกาเข้ามาจอดฝั่งนี้ รับช่วงต่อ แถมพื้นที่หรืออุตสาหกรรมแถวนั้นนักลงทุนสามารถไปลงทุนแปรรูปโรงงานสินค้า แถวชุมพร-ระนอง สร้างมูลค่าเพิ่ม

อีกฝั่งหนึ่งก็ส่งต่อไปตะวันออกกลาง ถ้าเราทำแบบนี้มูลค่าการลงทุนและทั้งหมดจะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยทั้งหมด อันนี้ง่ายที่สุด แล้วถ้าทำตรงนี้จริง เงินลงทุนของทุกบริษัทบริษัททั่วประเทศก็จะวิ่งเข้ามาสู่ตลาดทุน และพุ่งเข้ามาสู่ประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีภูมิประเทศที่เหมาะสมที่สุดอยู่แล้วในภูมิภาคอาเซียน ขนาดยังไม่ทำอะไรเลยเราก็ยังโดดเด่นที่สุดในภูมิภาคอาเซียนแล้ว หากแก้กฎระเบียบให้เรียบร้อย รัฐต้องไม่ไปขัดแข้งขัดขาเป็นผู้สนับสนุนที่ดี ผลักดันให้เอกชนออกไปวิ่งนำหน้าสู้กับเขา ทำโครงการเมกะโปรเจคใหญ่ๆ หนึ่งอัน ให้เขาเห็นว่าเมื่อเขามาลงทุนแล้วสามารถต่อยอดธุรกิจได้ สามารถมีเมนธุรกิจ มีธุรกิจสนับสนุนได้ พื้นที่ก็เหมาะ ถ้าทำแบบนี้ทุกอย่างที่พูดกันจะวิ่งมาที่เมืองไทยหมด ตลาดทุนอาจจะขึ้นไปเป็นสองสามเท่า นั่นคือหน้าที่ของรัฐบาล เราจะเข้าไปทำการเมืองต้องทำให้ได้ ต้องทำให้เกิดขึ้นจริง

“ เรื่องสุดท้ายคือเรืองดิจิทัล ซึ่งช่วงที่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี กระทรวงดิจิทัล ผมวางโครงสร้างดิจิทัลไว้บ้างแล้ว เราต้องต่อยอดและทำให้แข็งแรงขึ้นคืออุตสาหกรรมธุรกิจดิจิทัลนี้ ทำเร็ว ได้เร็ว มาลงทุนโรงงานใช้เวลา 5 ปี ตั้งโรงงาน แต่ดิจิทัลใช้เวลาหนึ่งปีเงินเข้ามาแล้ว อันนี้ต้องทำ รับรองตลาดทุนไปได้แน่นอน “ นายพุทธิพงษ์ กล่าว
.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image