ค้าภายใน เตือน ขายน้ำตาลทรายค้าส่ง ค้าปลีก ขยับได้ไม่เกิน 2 บาท/โล ฝ่าฝืนเจอคุก 7 ปี

น้ำตาล

ค้าภายใน เตือนขายน้ำตาลทรายค้าส่ง ค้าปลีก ขยับได้ไม่เกิน 2 บาท/โล ปลายทางไม่ควรเกิน 27 บาท ฝ่าฝืนเจอคุก 7 ปี

ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 14 พฤศจิกายน มีมติให้ปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายกิโลกรัม (กก.) ละ 2 บาทว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้เสนอคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ทบทวนมาตรการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าน้ำตาลทราย โดยกำหนดราคาจำหน่าย ณ โรงงาน สูงสุด น้ำตาลทรายขาว ไม่เกิน กก.ละ 21 บาท จากเดิม ไม่เกิน กก.ละ 19 บาท และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ไม่เกิน กก.ละ 22 บาท จากเดิม ไม่เกิน กก.ละ 20 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.66 เป็นต้นไป ส่วนราคาขายปลีก แม้ไม่ได้กำหนดราคาสูงสุดไว้ แต่ก็ต้องจำหน่ายในราคาที่สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง อาทิ กรณีห้างค้าส่งค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อต่างๆ ที่ขายน้ำตาลทรายถุง 1 กก. ในราคา 24-25 บาท

“เมื่อมีการปรับราคาจากผู้ผลิตขึ้น 2 บาท ราคาขายใหม่ก็ไม่ควรเกิน 26-27 บาท ส่วนร้านค้าทั่วไปอื่นๆ เมื่อมีการปรับขึ้นราคาก็ต้องเป็นไปตามสัดส่วนเดียวกัน ขณะที่โรงงานต้องส่งรายละเอียดผลิต สต๊อก การกระจาย และส่งออก ทุกเดือน ซึ่งการปิดป้ายจำกัดซื้อ เพราะเมื่อมีข่าวจะปรับราคา ประชาชนเพิ่มการซื้อในปริมาณสูงกว่าปกติ ทั้งที่มีสต๊อกเพียงพอ แต่เติมจุดขายไม่ทัน จึงต้องคุมปริมาณซื้อเพื่อให้ขายได้ทั่วถึง คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในเร็วๆ นี้ ซึ่งพาณิชย์จังหวัดและกรมได้เพิ่มความถี่ในการออกตรวจสอบ อยากย้ำการขายแพงเกินจริงหรือปฏิเสธการขาย หรือกักตุน มีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนลาบ หรือทั้งจำทั้งปรับ” ร.ต.จักรากล่าว

ร.ต.จักรากล่าวต่อว่า เรื่องราคาน้ำตาลทรายนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายให้กำกับดูแลให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล โดยผู้บริโภคไม่รับภาระมากจนเกินไป ขณะเดียวกันก็ต้องเห็นใจเกษตรกร ซึ่งเป็นผู้ผลิตต้นทางและดูแลให้มีรายได้ที่เหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุน

Advertisement

อย่างไรก็ตาม การปรับราคาน้ำตาลทรายครั้งนี้ เป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากการประกาศปรับราคาน้ำตาลทรายของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ให้สูงขึ้น กก.ละ 4 บาท เมื่อวันที่ 27 ต.ค.66 โดยเป็นการปรับตามต้นทุนที่สูงขึ้น 2 บาท และอีก 2 บาท เป็นการเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดฝุ่น PM2.5 จากการเผาอ้อย เมื่อกระทรวงพาณิชย์ได้รับทราบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เรียกประชุม กกร.เป็นการด่วนเพื่อยับยั้งไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาไว้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชน ต่อมาเมื่อได้พูดคุยกับเกษตรกรชาวไร่อ้อย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ก็ได้ตั้งคณะทำงานบริหารความสมดุลในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล โดยมีนายยรรยง พวงราช ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และชาวไร่อ้อยเข้าร่วมเป็นคณะทำงาน มีการประชุมกัน 2 ครั้ง โดยได้มีการพิจารณาต้นทุนการผลิตโครงสร้างต้นทุนของ สอน. รวมทั้งต้นทุนของชาวไร่อ้อย พบว่าเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจัยการผลิต เช่น ค่าปุ๋ย ค่าพลังงาน และค่าแรงงาน เป็นต้น คณะทำงานฯ จึงเสนอให้ปรับขึ้นราคา กก.ละ 2 บาท ส่วนอีก 2 บาท ที่ใช้แก้ปัญหา PM2.5 ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาแนวทางที่ไม่เป็นภาระแก่ผู้บริโภคเพียงฝ่ายเดียว หากจำเป็นก็อาจต้องขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image