หอค้าไทย ดึงผู้ผลิตผู้ค้าสินค้าเกษตร ตั้งศูนย์ประสานงานกลาง แก้ไขปัญหาผลผลิต-คุณภาพ

หอค้าไทย ดึงผู้ผลิตผู้ค้าสินค้าเกษตร ตั้งศูนย์ประสานงานกลาง แก้ไขปัญหาผลผลิต-คุณภาพ

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการคนที่ 1 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สินค้าเกษตรยังเผชิญกับความไม่แน่นอนในด้านรายได้ ผลผลิต และคุณภาพ ด้วยปัจจัยภายในและภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ อาทิ ความผันผวนของสภาพอากาศ ปัญหาภัยแล้ง โรคระบาดในสัตว์บก สัตว์น้ำ รวมไปถึงโรคระบาดในพืช การแข่งขันในตลาดส่งออกของโลกมีแนวโน้มรุนแรงสูงขึ้น และกฎระเบียบ มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ ที่เป็นอุปสรรค

ส่งผลโดยตรงต่อผลผลิตและรายได้ของเกษตรกรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นต้น จากสถานการณ์ดังกล่าว หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีข้อห่วงใยต่อเกษตรกร ราคาสินค้าเกษตรและอาหารในปัจจุบัน จึงได้ระดมความร่วมมือจากภาคเอกชนทุกภาคส่วน ได้แก่ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย สมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมเชฟประเทศไทย สมาคมการค้าที่เกี่ยวข้องกับอาหาร และห้างค้าปลีก-ค้าส่งสมัยใหม่ ช่วยรับซื้อสินค้าเกษตรจากพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ

พร้อมทั้ง หอการค้าไทย จัดตั้งศูนย์ประสานงานกลางและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร ทำหน้าที่ประสานงานช่วยเหลือและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหารทั่วประเทศ โดยหอร่วมกับหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ เชิญกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ( กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมการเกษตร) กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าภายใน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) ร่วมเป็นคณะทำงานจัดตั้งศูนย์ประสานงานกลางและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร และแก้ไขวิกฤตของภาคเกษตรและอาหารราคาตกต่ำ สินค้าเกษตรล้นตลาด ให้เป็นรูปธรรม

Advertisement

” เพื่อช่วยพยุงราคาสินค้าสัตว์น้ำในประเทศ ริเริ่มรับซื้อสินค้าสัตว์น้ำจากเกษตรกรชาวประมงในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม สมาชิกสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย สมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย และสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ประสานงานกับเกษตรกรชาวประมง รับซื้อสินค้าสัตว์น้ำโดยตรง เช่น ปลาโอดำ ปลาโอลาย ปลาไล้กอ ปลาทรายแดง ปลาตาหวาน หมึก ปลากะพงขาว เป็นต้น

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการมายังกรมประมง ให้เร่งบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมง อย่างเร่งด่วน โดยกรมประมงได้ดำเนินการมาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและยังมีมาตรการแก้ไขปัญหาฯ ในระยะเร่งด่วนออกมาเพิ่มเป็นระยะ ๆ ที่สำคัญคือการยกระดับมาตรการตรวจสอบสินค้าสัตว์น้ำนำเข้า ได้แก่ 1. การป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าประมงโดยผิดกฎหมาย มีการจัดชุดเฉพาะกิจของกรมประมงลงพื้นที่ทำงานโดยเฉพาะตามแนวชายแดน

2. ปรับปรุงประกาศกรมประมง เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตนำเข้าสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 92 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยต้องสามารถตรวจสอบและยืนยันแหล่งที่มาของสัตว์น้ำที่ขอนำเข้าได้ ปริมาณนำเข้าจริงต้องตรงตามที่ระบุในเอกสารการขอนำเข้า ต้องแนบ packing list และต้องแจ้งปลายทางของสินค้าที่นำเข้าเป็นต้น 3. มาตรการยกระดับการตรวจตามมาตรฐานด้านสุขอนามัย โดยจะมีการ สุ่มตรวจสินค้าสัตว์น้ำเพื่อวิเคราะห์สารตกค้าง โลหะหนัก และสารปนเปื้อน

Advertisement

พร้อมทั้งมีการออกประกาศกรมประมง เรื่อง “การยกระดับมาตรการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) ในการนำเข้าสินค้าปลากะพงขาวแช่เย็น จากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. 2567” โดยผู้ประกอบการต้องแนบ Certificate of Analysis (COA) ที่ออกโดยห้องปฏิบัติการของรัฐหรือรัฐให้การรับรองเท่านั้น ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา

นอกจากนี้ กรมประมงได้มีการสนับสนุนให้นำกลไกการตกลงราคาระหว่างกลุ่มชาวประมงกับสมาคมต่าง ๆ ที่เป็นผู้รับซื้อมาใช้ รวมทั้งประสานหอการค้าไทยและสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นตัวกลางในการประสานห้างค้าปลีก-ค้าส่งสมัยใหม่ (Modern Trade) โรงแรมและภัตตาคารต่าง ๆ ให้ช่วยสนับสนุนผลผลิตประมงภายในประเทศ และคาดว่าหลังจากการดำเนินการมาตรการต่าง ๆ จะส่งผลให้สถานการณ์ราคาสัตว์น้ำ
ในประเทศดีขึ้นตามลำดับ และหลังจากนี้จะมีการดำเนินมาตรการระยะยาวควบคู่กันต่อไป

นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย กล่าวว่า สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย ขอความร่วมมือจากโรงงานสมาชิกทั้งจากภาคใต้และสมุทรสาคร ในการรับซื้อปลาจากเรือไทย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน แมคเคอเรล เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำให้แก่ชาวประมง ทางสมาคมฯ มีจุดยืนแน่นอนสนับสนุนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะช่วยเหลือชาวประมงให้อยู่ได้ อุตสาหกรรมอยู่ได้ โดยจะรับซื้อปลาจากเรือประมงไทยเฉพาะที่กรมประมงตรวจสอบแล้ว ไม่เป็น IUU Fishing ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการหารือและช่วยเหลือร่วมกันมาโดยตลอดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เสนอว่าควรมีการสื่อสารรับทราบสถานการณ์ราคาสินค้าประมงในประเทศเป็นระยะๆ โดยกรมประมงเป็นคนกลาง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสมดุล ในระบบการค้าเสรี

นายอนุชา เตชะนิธิสวัสดิ์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ภายหลังจากการประชุมร่วมระหว่างกรมประมง ชาวประมง และโรงงานผู้ผลิตแล้ว ก็ได้มีการนำปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงไปหารือกับสมาชิกโรงงานผู้ซื้อปลาซูริมิ และประชุมตกลงราคาร่วมกันกับผู้แทนสมาคม ชมรม เรือประมง และได้สรุปความตกลงราคารับซื้อขายระหว่างกันเพิ่มขึ้นจากราคาหน้าตลาดทะเลไทยอีกกิโลกรัมละ 1-2 บาท โดยโรงงานสมาชิกเองเมื่อทราบข่าวก็ได้เร่งปฏิบัติตามนโยบายในการรับซื้อปลาจากชาวประมงมาตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา เพื่อช่วยพยุงราคาวัตถุดิบสัตว์น้ำที่ราคาตกต่ำ ซึ่งจากการสังเกตการซื้อขายระหว่างกัน พบว่าตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน เรื่อยมาถึงปัจจุบัน ราคาปลาซูริมิ ก็ได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นที่พึงพอใจแก่ทุกฝ่าย

ทั้งนี้ สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทยและเรือประมงมีการทำงานอยู่คู่กันมานาน และเมื่อสมาคมฯ รับทราบปัญหาจากกรมประมง สมาคมและโรงงานสมาชิกของสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย พร้อมให้ความร่วมมือ และยินดี ในการเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้อุตสาหกรรมประมงต้นน้ำฝ่าฟันอุปสรรคสามารถแก้ปัญหาไปได้ด้วยดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image