อยู่อย่างไร จึงจะไม่ทุกข์ ?

การดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคม ต่างหาวิธีให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคมาขวางกั้นอยู่มากมายก็ตาม บางกรณีก็ผ่านพ้นไป แต่บางกรณีก็ไม่สามารถเอาตัวรอดไปได้จนกลาย “เป็นทุกข์” ขึ้นมาทันที บางชีวิตก็จำยอมกับอุปสรรคที่ขวางกั้นเหล่านั้น แต่บางชีวิตก็หาวิธีดิ้นรนด้วยวิธีการอื่นๆ โดยที่ไม่ยอมจมปลักอยู่กับสิ่งที่ขวางกั้นจนกลายเป็นคนที่ “อยู่รอด และอยู่ได้”

มีสุข มีทุกข์ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ ได้รับการสรรเสริญ ถูกติฉินนินทา เป็นธรรมะที่อยู่คู่กับโลกจนเรียกว่า “โลกธรรมแปดประการ” ไม่มีใครเลยที่ไม่เคยสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ บางคนได้รับแต่สิ่งที่ดี อันประกอบไปด้วยมีสุข ได้ลาภ ได้ยศ ได้รับการสรรเสริญเยินยอ จนทำให้การดำเนินชีวิตแต่ละวันเกิดความสุขความภาคภูมิใจ อิ่มเอมเปรมใจ เป็นชีวิตที่วิเศษที่สุด เพราะทำอะไร พูดอะไร หรือแม้แต่คิดอะไร ก็ดีไปหมด ไม่มีอะไรมาขัดขวาง จึงมีชีวิตที่โลดแล่นไปบนความสุข จนไม่อยากจะให้สิ่งเหล่านี้หายไปจากตนเอง แต่ในทางตรงกันข้าม บางคนได้รับแต่สิ่งที่ไม่ดี ตื่นขึ้นมาวันใดก็พบแต่ความทุกข์ ลาภยศก็หายไป ถูกติฉินนินทาใส่ร้ายต่างๆ นานาจนกลายเป็นชีวิตที่ไม่มีความสุขเลย จึงจำทนไปในแต่ละวัน บางครั้งก็ทนได้ แต่บางครั้งก็ทนไม่ได้

ทางพระจึงเรียกสิ่งที่ดี และได้ดังใจหวัง ว่าเป็น “อิฏฐารมณ์ คือ อารมณ์ที่พึงปรารถนา ส่วนสิ่งที่ไม่ดี และไม่ได้ดังใจหวังว่าเป็น อนิฏฐารมณ์ คือ อารมณ์ที่ไม่พึงปรารถนา”

อารมณ์ต่างๆ ทั้งแปดชนิดนี้ ไม่มีใครที่สามารถหลีกเลี่ยง หรือรอดพ้นไปได้ ทว่าบางคนได้รับน้อย บางคนได้รับมากเท่านั้น เพราะมันเป็นของอยู่คู่กับโลกนี้ตลอดไป เมื่อโลกธรรมทั้งแปดประการนี้มันอยู่คู่กับโลกตลอดไปแล้ว เราจะมีวิธีป้องกันหรือแก้ไขอย่างไร จึงจะให้สิ่งที่ดีเกิดขึ้นกับตัวเราให้มากที่สุด ให้สิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวเราให้น้อยที่สุด จึงกลายเป็นคำถามว่า “อยู่อย่างไร จึงจะไม่เป็นทุกข์ และอยู่อย่างไร จึงจะมีแต่ความสุข?”

Advertisement

อยู่แล้วไม่สุขเลย หรือไม่ทุกข์เลย ก็มิใช่เป็นเรื่องง่าย ยกเว้นเป็นผู้บรรลุธรรมชั้นสูงไปแล้ว ส่วนเรา และท่านที่ยังเป็นสามัญชนปุถุชนทั่วไปก็คงต้องรู้จักหาวิธี และปรับตนเอง ให้อยู่แล้วเป็นสุข หรือมีทุกข์น้อยที่สุด ดังจะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

ประการที่หนึ่ง ขอจงอยู่ด้วยการมีสติ และปัญญา รับรู้ว่าสิ่งที่พึงปรารถนานี้ เมื่อมันอยู่กับเราแล้ว อีกไม่นานมันก็จะแปรเปลี่ยนไป มันไม่จีรังยั่งยืน มีมาแล้วมันก็มีผ่านไป ขอจงใช้สติระลึกอยู่ตลอดเวลา ไม่เสพ หรือไม่บริโภคความสุขด้วยความมัวเมา และความประมาท

ประการที่สอง เมื่อความสุขอยู่กับเราแล้ว ขอให้แบ่งปันความสุขที่ตนเองมี หรือได้รับนี้ ให้กับคนอื่น หรือชีวิตอื่น โดยเฉพาะชีวิตที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เรือนเคียง ให้พวกเขาได้รับสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นนี้ให้เป็นไปอย่างทั่วถึง อันจะเป็นการแผ่คุณงามความดี และโอกาสให้กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบๆ ตัวเราไปในตัว

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
 

เพิ่มเพื่อน
ประการที่สาม เมื่อมีความสุขแล้ว ขอจงหาวิธีเพิ่มพูนความสุขที่เกิดขึ้นนั้นให้มากยิ่งขึ้น อย่าได้คิดว่าเราเสพความสุขในวันนี้แล้ว วันข้างหน้าจะไม่หมดไป เราต้องรีบต่อยอดความสุขให้เกิดขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยเวลาสะสม จึงจะเกิดประโยชน์ในระยะยาว คือกล้ามเนื้อ หรือการเจริญเติบโตของร่างกาย สติปัญญา ทรัพย์สินเงินทอง ความรู้ความสามรถ และความดี เป็นต้น ขอให้เราเอาต้นทุนที่ได้รับในวันนี้ มาเป็นจุดสนับสนุนให้เกิดสิ่งที่ดีต่อไปในวันข้างหน้า ด้วยการลงมือคิด ลงมือทำ และลงมือพูดจา ดังนั้น เมื่อได้รับความสุขแล้วก็อย่านิ่งเฉย โดยที่ไม่ทำอะไรต่อไปอีกเลย

ประการที่สี่ เมื่อมีความสุขแล้ว ขอจงใช้โอกาสที่มีความสุขนี้ สร้างสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น และส่วนรวมให้มากที่สุด เมื่อเรามีโอกาส มีกำลัง มีบารมีอยู่ ขอจงดำเนินการทำอะไรไว้เป็นอนุสรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ คำสอน วัตถุและสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่างๆ นานา ในชีวิตของเราขอให้มีอนุสรณ์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นในระยะยาวไว้บ้าง ในวันใดวันหนึ่ง เมื่อชีวิตของเราตกต่ำลงไป ก็จะได้ไม่โอดครวญว่าเสียดายโอกาสที่เคยได้รับ เสียดายสิ่งที่ดีที่เคยมีกับตัวเรา บัดนี้โอกาสที่ดีของเราได้หายจากไปเสียแล้ว…

พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้ว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” หมายความว่า ทุกชีวิตเกิดมาในโลกนี้ จะมีชีวิต และความเป็นอยู่อย่างไร ก็ล้วนแต่มาจาก “กรรม คือ การกระทำ” นี่เอง ทำดีย่อมได้รับผลดี ทำไม่ดีก็ย่อมได้รับแต่ผลที่ไม่ดี ทำดีย่อมได้รับแต่ความสุข ทำไม่ดีย่อมได้รับแต่ความทุกข์ จะเป็นอดีตกรรม หรือปัจจุบันกรรมก็ตาม ล้วนมีเหตุผลหนุนเนื่องด้วยกันทั้งนั้น คนที่ทำกรรมดีแล้ว ความดีย่อมไม่หายจากเราไป มันยังคงอยู่คู่กับชีวิตเราตลอดไป ในวันใดวันหนึ่งความดีนั้น ก็จะส่งเสริมให้เราได้รับแต่ความสุขความเจริญ ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอนก็อิ่มใจ สุขใจที่ได้รับแต่สิ่งที่ดี ดังนั้น กรรมคือการกระทำอันประกอบไปด้วยการกระทำทางกาย ทางวาจา และทางใจ ผลของมันจะให้ผลดี หรือผลร้ายจึงล้วนมาจาก “กรรม” นั่นเอง…

อยู่อย่างไรจึงจะมีแต่ความสุข พ้นจากความทุกข์โดยประการทั้งปวง เมื่อเราอยู่กับความสุขแล้ว ก็อย่าประมาทว่าความสุขจะอยู่กับเราตลอดไป วันใดวันหนึ่งความทุกข์ก็จะต้องเข้ามาแทนที่อย่างแน่นอน อย่าขาดสติ ขอให้มีปัญญาในการบริโภคความสุขนั้นๆ แล้วจะกลายเป็นคนที่อยู่อย่างมีความสุข และปราศจากความทุกข์จริงๆ มีชีวิตอยู่ด้วยการสั่งสมคุณงามความดีอย่างสม่ำเสมอ ทำอะไรก็เสมอต้นเสมอปลาย ไม่กลายเป็นคนลุ่มๆ ดอนๆ ไม่กลายเป็นคนดิ้นรนเมื่อจนตรอก ขอให้มีชีวิตความเป็นอยู่ตามความจริงที่เกิดขึ้น

เมื่อได้รับสิ่งที่ร้ายก็ขออย่าได้ตรอมตรมโดยที่ไม่ทำอะไรเลย ไม่แก้ไขปัญหาอะไรเลย เมื่อชีวิตตกอยู่ในมุมมืดแล้วก็อย่าหาทางออก หรือทางตัน ในทางที่ผิดๆ ชีวิตของเรายังมีคุณค่า และมีความหมายต่อคนอื่น แต่วันนี้อาจจะจนมุม จนอับ ชีวิตเราเกิดมามีปัญหา ก็ต้องใช้สติ และปัญญาในการแก้ไขปัญหา อย่าได้แก้ไขปัญหาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ บางทีอาจจะมาแก้ตัวทีหลังว่าไม่ได้ตั้งใจบ้าง อารมณ์ชั่ววูบบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาในโลก มันมิได้มีมุมมืดตลอดไป เมื่อมีมืดก็ย่อมมีสว่าง เมื่อมีทางตันก็ต้องมีทางออก เมื่อมีกลางวันก็ย่อมมีกลางคืน ชีวิตของเรามีคุณค่า และมีความหมาย เกิดมาในชาตินี้ ขอให้มีชีวิตที่ยืนยาวด้วยการใช้สติ และปัญญา แก้ไขปัญหาให้กับตนเอง…

ชีวิตของคนเรามิได้อับโชคตลอดไป ความหวังยังมี และความสุขยังรอคอยเราอยู่ แต่วันนี้มันยังขมุกขมัว ก็ขอให้ตั้งสติให้ดีแล้วค่อยๆ ใช้ปัญญาแก้ไข ชีวิตเกิดมาล้วนต้องแก้ไขด้วยกันทั้งนั้น แก้ไขจากสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมา แก้ไขจากสิ่งที่ชั่วร้ายให้เกิดประโยชน์ขึ้นมา แก้ไขจากที่ไม่มีอะไร ก็ขอให้มีอะไรขึ้นมา ขออย่าได้มีชีวิตด้วยการอ้อนวอนโดยที่ไม่ลงมือกระทำเลย การกระทำเท่านั้น จึงจะแก้ไขปัญหาให้กับชีวิตของเราได้ ขอจงเป็นคนรู้จักให้กำลังใจแก่ตนเอง เกิดมาต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง สร้างพลังให้เกิดขึ้นในตัวเรา สร้างขวัญ และกำลังใจของเราเท่านั้น พลังที่เกิดขึ้นภายในใจของเรา ย่อมจะเป็นพลังที่มีคุณค่ามหาศาล และเป็นพลังที่ถาวรในตัวเรา

ขอจงอยู่อย่างรู้ และเข้าใจ ขอจงอยู่อย่างรู้ และทำใจ ขอจงอยู่อย่างรู้ และทำไป เราจะมีชีวิตที่มีความทุกข์น้อย เราจะมีชีวิตที่เป็นมนุษย์อย่างมีคุณค่า เราจะไม่เสียดายชาติเกิด เราจะเป็นอีกชีวิตหนึ่งในการทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม เราจะเป็นอีกศาสนิกหนึ่งที่ได้รู้จักนำเอาหลักธรรมคำสอนของพระศาสดามาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต

อยู่อย่างดี อยู่อย่างมี อยู่อย่างเข้าใจแล้ว ตลอดลมหายใจก็จะพบแต่ “ความสุข” ที่จีรังยั่งยืน ได้กลายเป็นพุทธศาสนิก หรือศาสนิกที่ดีของศาสดาตลอดไป ธรรมะจะไม่หายไปแต่กลับกลายเป็น “ยาวิเศษ” ให้กับชีวิตของเราในวันนี้…

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image