| ที่มา | คอลัมน์ "นานาทัศนะ" |
|---|
เสียงจากคนวงการศึกษา ‘รับ-ไม่รับ’ กระแสปรับ ครม.บิ๊กตู่ 2/2 ‘สุวิทย์-คุณหญิงกัลยา’ พ้นเก้าอี้ รมต.
หมายเหตุ – ตามที่มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ ครม.บิ๊กตู่ 2/2 โดยปรับ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ออกจากตำแหน่ง และให้ นายเอกนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ อว.แทน ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปรับ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.และให้ นายกนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มารับตำแหน่งแทน “มติชน” จึงสอบถามความคิดเห็นคนแวดวงการศึกษา ถึงความเหมาะสมของการปรับ ครม.ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
๐อดิศร เนาวนนท์
อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
“คิดว่าการปรับ ครม.เป็นผลมาจากการประเมินของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ประเมินการทำงานของรัฐมนตรีทุกคน ว่าหลังจากดำรงตำแหน่ง และทำงานมาแล้วในระยะเวลาเกือบ 1 ปี เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งสามารถประเมินใน 3 ประเด็น คือ 1.รัฐมนตรีได้ทำงานบรรลุวัตถุประสงค์ หรือนโยบายของรัฐตามที่เคยได้แถลงไว้หรือไม่ 2.รัฐมนตรีสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ได้หรือไม่ และ 3.รัฐมนตรีสามารถวางนโยบาย ออกแบบการทำงาน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และผลกระทบจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหรือไม่ ถ้ารัฐมนตรีไม่สามารถทำงานได้บรรลุ 3 ข้อนี้ได้ สมควรที่จะถูกปรับ
ในส่วนของ ศธ.ที่มีกระแสข่าวว่า คุณหญิงกัลยา อาจจะถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.นั้น มองว่าคุณหญิงกัลยาถือเป็นคนที่มีผลงานน่าพอใจ มองภาพอนาคตของประเทศ โดยผลักดันนโยบายโค้ดดิ้งให้เด็กยุคใหม่มีความสามารถด้านนี้ ถ้ามีการปรับ ครม.จริง ขอให้เป็นคนที่มีความต่อเนื่องในการทำงาน สามารถทำงานตามกรอบนโยบายที่รัฐบาลวางไว้อยู่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.ต่อ ไม่ใช่เป็นการปรับตามโควต้าทางการเมือง ซึ่งการปรับตามโควต้าทางการเมือง เป็นวิธีการคิดแบบ Old Normal และถ้าเช่นนั้นจริง ไม่ต้องปรับ ครม.เสียดีกว่า
แต่หากมีการปรับรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ด้วย ควรนำคนที่มีบารมีเข้ามาแก้ไขปัญหาการศึกษา เพราะ ศธ.ถือเป็นกระทรวงที่มีปัญหาจำนวนมาก หากจะเปลี่ยนจริง ขอให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.เพราะเชื่อว่า พล.อ.ประวิตร มีอำนาจ มีบารมี สามารถเลือกใช้คนในการทำงานให้เหมาะสมได้”
๐วิโรจน์ ลิ้มไขแสง
อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ประธาน ทปอ.มทร.
“ส่วนตัวคิดว่า นายสุวิทย์เป็นคนที่ค่อนข้างเข้าใจอุดมศึกษา และ อว.เองกำลังเป็นกระทรวงใหม่ที่เดินหน้าสู่การปฏิรูปอย่างแท้จริง ซึ่งนายสุวิทย์ เป็นคนดูแลทิศทาง ว่าจะให้กระทรวงใหม่เดินไปแนวไหน ซึ่งในช่วงปีกว่าที่ผ่านมา ถือว่านายสุวิทย์ทำงานได้ดี ทำงานได้เร็ว และขนาดมีรัฐมนตรีว่าการ อว.ที่ทำงานเร็วแล้ว มหาวิทยาลัยเองยังต้องใช้เวลาในการปรับตัว ดังนั้น หากเป็นไปได้ ก็ไม่อยากให้ปรับรัฐมนตรีว่าการ อว.ในช่วงนี้ เพราะหากเจอคนที่ไม่ได้ตามเรื่องของอุดมศึกษาอย่างจริงๆ การทำงานในส่วนนี้ต่อเนื่อง ก็จะเป็นเรื่องยาก งานที่ทำอยู่อาจจะสะดุด ต่อไม่ติด และพัฒนาต่อเนื่องได้ลำบาก
ส่วนนายเอนก ซึ่งมีชื่อจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการ อว.แทนนายสุวิทย์นั้น เข้าใจว่าเป็นอาจารย์เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ สายสังคม ขณะที่ อว.จะเน้นด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี แต่ก็ไม่ทิ้งด้านสังคม ดังนั้น จะบอกว่าเหมาะสมหรือไม่ ตอนนี้คงลำบาก ผมขอรอดูนโยบายก่อน หากนายเอกนกเข้าใจแนวทางการทำงานของอุดมศึกษา ก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าไม่เข้าใจ ก็คงลำบาก”
๐จรูญ ถาวรจักร์
อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี
ประธาน ทปอ.มรภ.
“ถ้ามีการปรับรัฐมนตรีว่าการ อว.ในช่วงนี้ เชื่อว่าจะกระทบต่อการทำงานอย่างแน่นอน ตอนนี้ อว.ถือว่ากำลังทำงานไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ ในส่วนนายเอนกเอง ทราบว่าเคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ยังไม่เคยรู้ หรือสัมผัสกรอบความคิด และในช่วงที่มหาวิทยาลัยกำลังสนุกเพลิดเพลินกับการทำงาน เอาตามความคิดจริงๆ ผมเองไม่อยากให้เปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.หรือเป็นรัฐมนตรีว่าการ อว.ที่กำลังพัฒนาไปได้อย่างดี
กรณีการปรับ ครม.หากคนที่เข้ามาใหม่ เข้าใจทิศทาง มาแล้วทำงานตามกรอบที่กำหนดไว้ได้ทันที ก็เป็นเรื่องดี ไม่ต้องเสียเวลาปรับจูน แต่หากไม่เข้าใจ ก็ต้องใช้เวลา งานทุกอย่างที่ทำไว้ ก็อาจต้องเลื่อนออกไป ส่วนตัวเองเป็นข้าราชการ ใครมาเป็นผู้บริหารก็ต้องทำงานตามนั้น”
๐อดิศร สินประสงค์
นายกสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย
“ศธ.เป็นหนึ่งในกระทรวงที่เปลี่ยนรัฐมนตรีค่อนข้างบ่อย ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.แน่นอนว่าการเปลี่ยนทุกครั้ง ย่อมกระทบต่อการทำงานแน่นอน โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ใกล้เปิดภาคเรียน หลังจากต้องเลื่อนเปิดภาคเรียนออกไป เพราะสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่หลายอย่างต้องเร่งดำเนินการ ดังนั้น หากเป็นไปได้ อยากให้เลื่อนการปรับ ครม.ไปก่อน
ในส่วนของคุณหญิงกัลยา ซึ่งมีชื่อว่าจะถูกปรับออกจาก ครม.นั้น มองว่าไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีคนใด อยากให้ทุกคนได้มีเวลาทำงาน ให้ผลงานเป็นที่ประจักษ์ เพราะช่วงแรกที่เข้ามา ถือเป็นการเริ่มต้น และขณะนี้กำลังเข้าสู่ช่วงการทำงานอย่างจริงจัง และคุณหญิงกัลยาเอง ก็มีผลงานด้านดิจิทัล เทคโนโลยี ที่เข้ามาช่วยพัฒนาการศึกษา เชื่อว่าหากมีเวลา จะสามารถทำงานที่เป็นรูปธรรมได้มากกว่านี้”
