‘ตรีนุช’ ตรวจสถานศึกษาก่อนเปิดเทอม ปี66 กำชับร.ร.เตรียมพร้อมทุกด้าน

เมื่อวันที่ 27 เมษายน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ที่โรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ฯ และ โรงเรียนพญาไท กรุงเทพฯ โดยมี ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมตรวจเยี่ยม โดย น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ศธ.ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน ซึ่งการมาตรวจเยี่ยมวันนี้ต้องการกำชับให้ผู้บริหารและทางโรงเรียนเตรียมความพร้อมทั้งทางกายภาพ อาคารสถานที่ ครูและบุคลากร งบประมาณ และมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความปลอดภัย รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมเรื่องการป้องกันโควิด ซึ่งโรงเรียนก็มีประสบการณ์และทราบมาตรการต่างๆ อยู่แล้ว ปีนี้ก็อาจต้องร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขเฝ้าระวังร่วมกันต่อไป นอกจากนี้มีเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ร้อนจัด มีฝุ่น PM 2.5 และเร็ว ๆ นี้ก็น่าจะมีฝนตกร่วม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการจัดกิจกรรมให้นักเรียน จึงขอให้สถานศึกษาทุกแห่งวางแผนการจัดกิจกรรมให้เหมาะสมสำหรับเด็กซึ่งผู้บริหารและครูต้องดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น โดยโครงการ 1 โรงเรียน 1 ครูอนามัย ก็ต้องเชื่อมโยงทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขด้วย

รัฐมนตรีว่าการศธ. กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องงบประมาณเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินอุดหนุนรายหัวซึ่งไม่ได้ปรับมากว่า 10 ปี แต่หลังจากสถานการณ์โควิด และค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น เมื่อปีที่ผ่านมารัฐบาลจึงได้อนุมัติเงินอุดหนุนรายหัวเพิ่มขึ้น จึงขอกำชับให้โรงเรียนจัดสรรเงินอุดหนุนให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตรงตามวัตถุประสงค์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนเรื่องอาหารกลางวันก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญและได้อนุมัติให้เพิ่มเงินค่าอาหารกลางวันตามขนาดของโรงเรียน ซึ่งก็ได้ย้ำในเรื่องการจัดหาอาหารให้นักเรียนโดยมอบหมายให้เขตพื้นที่การศึกษาตรวจตราและเน้นย้ำเรื่องของโภชนาการที่เหมาะสมสอดรับกับวัยของเด็ก และเป็นไปตามเจตนารมย์ของรัฐบาลในการเตรียมความพร้อมให้เด็ก สำหรับโครงการพาน้องกลับมาเรียน ปีที่ผ่านมาทำได้ดีแล้ว แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจอาจทำให้มีเด็กตกค้างก็ขอให้เขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนตรวจสอบว่านักเรียนที่หายไปปลายทางอยู่ที่ไหน เพื่อนำเด็กทุกคนกลับเข้าสู่การศึกษาไม่หลุดหายไปจากระบบ ซึ่งนอกจากสายสามัญศึกษาก็ยังมีการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)และอาชีวศึกษารองรับอยู่

Advertisement

“เรื่องหนังสือเรียนปีนี้มั่นใจว่า ปีนี้จะจัดส่งถึงมือเด็กได้ทันเปิดเทอม เพราะได้มีการวางแผนเตรียมการไว้นานแล้ว เพราะฉะนั้นวันที่เปิดเทอมเด็กก็จะมีหนังสือเรียนได้ ส่วนกรณีหนังสือแบบเรียนภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต ภาษาพาที ชั้น ป.5 ที่เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในส่วนของเนื้อหาในขณะนี้นั้น ไม่อยากให้มองว่าเนื้อหาหนังสือทั้งเล่มใช้ไม่ได้เลย เพราะการเรียนภาษาไทยไม่ได้ใช้หนังสือเล่มนี้เล่มเดียว หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือส่งเสริมการอ่าน มีเรื่องหลักการใช้ภาษาอยู่ด้วย และการเรียนก็มีครูช่วยวิเคราะห์อยู่ อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยสะท้อนมา ซึ่งศธ.จะได้กลับมาทบทวน เพราะต้องยอมรับว่าวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก เราก็ต้องกลับมาทบทวนมากขึ้น โดยต้องดูความเหมาะสมกับช่วงเวลาด้วย แต่เชื่อว่าผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาที่จะสื่อสารไปอย่างที่เข้าใจกัน”น.ส.ตรีนุช กล่าว

Advertisement

ดร.อัมพร กล่าวว่า สพฐ.ได้ออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการไปทบทวนสื่อทั้งหมดว่าจะมีวิชาอื่นอีกหรือไม่ที่ต้องปรับปรุงให้เหมาะสม เพราะพอเกิดเหตุ สพฐ.ก็ไม่ได้ทบทวนแค่หนังสือชุดภาษาพาที แต่จะทบทวนทั้งระบบ ก็ต้องขอขอบคุณและพร้อมที่จะรับข้อเสนอมาทบทวน อย่างไรก็ตามปีการศึกษา 2566 นี้ หนังสือชุดนี้ก็ยังใช้อยู่ เพราะจะให้เปลี่ยนทันทีทำไม่ทัน เพียงแต่การใช้หนังสือครูต้องใช้อย่างมีวิจารณญาณ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image