สกศ.เปิดไทม์ไลน์ ยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษา ห่วง ส.ว.หมดอายุ ทำสะดุด คาดประกาศใช้ปี’69

แฟ้มภาพ

สกศ.เปิดไทม์ไลน์ ยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ห่วง ส.ว.หมดอายุ ทำสะดุด คาดประกาศใช้ปี’69

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน นายอรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สกศ.ได้เปิดให้มีการประชาพิจารณ์ รับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. … ฉบับที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2566 คลิก โดย สกศ.จะรวบรวมความคิดเห็นเป็นข้อมูลสำคัญประกอบการพิจารณาเสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) และกระบวนการนิติบัญญัติ อย่างไรก็ตาม การยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ถือเป็นงานหลักที่ สกศ.ต้องเร่งดำเนินการ เพราะเป็นนโยบายของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ และที่สำคัญเรื่องนี้ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่ต้องทำให้แล้วเสร็จ แต่ไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาในรัฐบาลที่ผ่านมา ทำให้กฎหมายฉบับดังกล่าวตกไปโดยอัตโนมัติ

นายอรรถพลกล่าวต่อว่า เมื่อมีรัฐบาลใหม่จึงต้องเร่งดำเนินการ โดย สกศ.เลือกที่จะหยิบร่างฉบับที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วมาเปิดรับฟังความคิดเห็นใหม่อีกครั้ง เพราะหากเริ่มนับหนึ่งใหม่ คณะกรรมการกฤษฎีกาก็ต้องใช้เวลาพิจารณาอีกกว่า 1 ปี และกว่าจะวิพากษ์เสร็จก็ทำกฎหมายไม่มีความทันสมัย และอาจเสร็จไม่ทัน 4 ปีในรัฐบาลนี้ แน่นอนว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับเดิมยังมีจุดอ่อน และเสียงคัดค้านในบางเรื่อง ดังนั้น การจัดทำร่างกฎหมายครั้งนี้จะแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ร่างพ.ร.บ.การศึกษา จะเน้นเรื่องจะทำอย่างไรให้ผู้เรียนมีคุณภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์โลก ส่วนเรื่องของคนและสิทธิประโยชน์ที่ยังเป็นข้อขัดแย้งก็ให้ไปอยู่ในร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. …

“เท่าที่ดูมีประมาณ 14 มาตรา ที่ยังมีข้อวิพากษ์ สกศ.จะนำตัวอย่างการจัดการศึกษาของประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร ฟินแลนด์ และประเทศในยุโรปมาเปรียบเทียบกับ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน รวมถึงจะนำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาร่วมพิจารณา เรื่องทั้งหมดจะต้องตกตะกอน จากนั้นจะเปิดให้ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา มาร่วมกันวิพากษ์เพื่อหาข้อสรุปก่อนปรับแก้รายละเอียด เสนอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.พิจารณา ก่อนเสนอเข้า ครม.เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ” นายอรรถพลระบุ

Advertisement

นายอรรถพลกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันข้อห่วงใยของ สกศ.คือเรื่องการเมือง จึงทำงานควบคู่กับคณะกรรมมาธิการ (กมธ.) การศึกษา และอยากให้เกิดการมีส่วนร่วมของพรรคต่างๆ มากขึ้น ผมจึงเข้าร่วมเป็นเลขานุการของ กมธ.ด้านการศึกษาเพื่อให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงและนำแนวทางของแต่ละพรรคมาร่วมพิจารณา เมื่อกฎหมายฉบับนี้เข้าสู่รัฐสภาก็เชื่อว่าร่างของ กมธ.การศึกษาที่เกิดขึ้นกับร่างที่ ครม.ส่งไปจะมีความสอดคล้องกัน ลดความแตกแยกทางความคิด ทำให้การพิจารณากฎหมายเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

เลขาธิการ สกศ.กล่าวต่อว่า คาดว่าจะสามารถสรุปผลการประชาพิจารณ์ได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ก่อนเสนอให้ ครม.พิจารณา จากนั้นจะเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาอีกครั้ง คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือน เพราะเคยพิจารณาไปแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรในการเปิดสมัยประชุม แต่ยังมีตัวแปรสำคัญ และเป็นข้อห่วงใยอีกเรื่องคือสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ต้องร่วมพิจารณาด้วยจะหมดวาระในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะใช้เวลามาดน้อยแค่ไหน ถึงจะมี ส.ว.ชุดใหม่ ก็อาจเป็นตัวแปรแทรกซ้อน ที่ทำให้กฎหมายมีความล่าช้า ถ้าจัดให้มีการเลือกตั้งก็คาดว่าจะได้ ส.ว.ปลายปี 2567 เสนอเข้ากระบวนการนิติบัญญัติในปี 2568 วิพากษ์วิจารณ์ และเสนอให้รัฐสภาพิจารณา คาดว่าจะประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ได้ภายในปี 2569

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image