รมว.อว.คาดใช้ไม่เกิน 90 ล.อุดหนุนค่าสมัครแอดมิชชั่น ชี้นำร่องปี’67 ก่อนถกสำนักงบฯ หาเงินระยะยาว สอบ ‘TGAT/TPAT’ 2.89 แสน ผจก.ทีแคสอึ้งยอด ‘ซิ่ล’ พุ่ง สร้างสถิติใหม่ 7.5 หมื่น
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน รศ.ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ ผู้จัดการระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ปีการศึกษา 2567 หรือทีแคส’67 เปิดเผยว่า ตามที่ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดระบบการลงทะเบียน TCAS67 ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม-5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อรับสมัครสอบความถนัดทั่วไป หรือ TGAT และความถนัดทางวิชาการ/วิชาชีพ TPAT2-5 เพื่อนำคะแนนสอบไปเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาประจำปีการศึกษา 2567 นั้น ผู้สมัครลงทะเบียนสำเร็จ 374,567 คน เป็นนักเรียนปีนี้ หรือ Dek67 จำนวน 299,031 คน นักเรียนปีที่ผ่านมา 75,536 คน ในจำนวนนี้สมัครสอบ TGAT และ TPAT2-5 รวม 289,412 คน แบ่งเป็น นักเรียนปีนี้ 240,880 คน นักเรียนปีที่ผ่านมา 48,532 คน เลือกข้อสอบแบบกระดาษ 270,565 คน และเลือกข้อสอบแบบคอมพิวเตอร์ 20,184 คน
รศ.ดร.ชาลีกล่าวต่อว่า สำหรับผู้สมัครสอบแยกตามรายวิชา ดังนี้ TGAT ความถนัดทั่วไป สมัคร 285,133 คน TPAT2 ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์ 16,206 คน TPAT3 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ 129,353 คน TPAT4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ 9,925 คน TPAT5 ความถนัดครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์ 72,748 คน รวมสมัครทั้งสิ้น 513,365 รายการ อย่างไรก็ตาม มีจำนวนการสมัครที่ไม่ได้ดำเนินการชำระเงินค่าสมัครภายในเวลาที่กำหนด 7,662 รายการ
“จากตัวเลขผู้สมัครปีนี้ ถือว่ามีเด็กซิ่ลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เก็บข้อมูลมา ซึ่งจริงๆ ทปอ.คาดการณ์ไว้แล้วว่าจำนวนเด็กซิ่ลจะเพิ่มขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นขนาดนี้ สะท้อนให้เห็นว่า คนที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย อาจไม่ได้เข้าเรียนในคณะ/สาขาที่อยากเรียน พอเข้าไปก็ผิดหวัง ท้ายสุดก็ต้องซิ่ล กลับมาสมัครสอบใหม่ เพื่อให้ได้เรียนในคณะที่อยากเรียน อีกประการหนี่ง ระบบครูแนะแนวอาจจะต้องปรับปรุง ซึ่ง ทปอ.เตรียมทำระบบค้นหาตัวเอง เพื่อให้นักเรียนสามารถประเมินตัวเองเบื้องต้น ว่ามีความถนัด หรือเหมาะสมกับอาชีพอะไร จากนั้นจะเชื่อมโยงไปที่การแนะแนวคณะ/สาขาที่ควรเลือกเรียน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เพราะการที่มีเด็กซิ่ลเยอะ ถือเป็นความสูญเสียทั้งเรื่องบประมาณในการจัดสอบ ที่นั่งเรียนในมหาวิทยาลัย และตัวนักศึกษาเอง ก็เสียเวลาเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ” รศ.ดร.ชาลีกล่าว
รศ.ดร.ชาลีกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม วันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ จะเป็นวันประกาศที่นั่งสอบ ซึ่งยอมรับว่าปีนี้ค่อนข้างแน่น ส่วนหนึ่งเพราะมีเด็กซิ่ลเข้ามา ทำให้ ทปอ.ต้องหาที่นั่งเพิ่ม ดังนั้น อยากให้นักเรียนทำใจ ว่าอาจไม่ได้สอบในสนามที่เลือก แต่ ทปอ.พยายามจัดให้ได้สอบในสนามที่ใกล้กับสนามอันดับ 1 ที่นักเรียนเลือก ส่วนผู้ที่เลือกสอบแบบคอมพิวเตอร์ ก็ถือว่ามีจำนวนมากขึ้น แต่สำหรับปี 2567 ทปอ.มีที่นั่งสำหรับสอบคอมพิมเตอร์เพียง 4,000 ที่นั่ง ดังนั้น ส่วนที่เกินจะต้องเข้าสอบด้วยระบบกระดาษ โดยปี 2568 คาดว่าจะเพิ่มการสอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์เป็น 6,000 ที่นั่ง และมีเป้าหมายเพิ่มเป็น 10,000 ที่นั่ง ในปี 2570
“ภาพรวมข้อสอบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีเพียง TPAT4 ที่จำนวนข้อสอบเพิ่มมากขึ้น และในรอบที่ 3 แอดมิชชั่น ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย (มท.) ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประกาศให้ อว.และ ทปอ.อุดหนุนการสมัครในรอบแอดมิชชั่น โดยจะเริ่มตั้งแต่ทีแคส’67 ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย โดยให้นักเรียนแต่ละคนสมัครเลือกคณะได้ 1-10 อันดับฟรี เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระได้สูงสุดคนละ 900 บาทนั้น อยากให้นักเรียนตัดสินใจเลือกให้ดี เพราะหากเปลี่ยนใจเกิน 3 ครั้ง และจะเลือกใหม่ในรอบที่ 4 รอบ ต้องเสียเงินเองตามอัตราที่ ทปอ.กำหนด” รศ.ดร.ชาลีกล่าว
ด้าน น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการ อว.กล่าวว่า สำหรับงบประมาณที่จะมาสนับสนุนนักเรียนในการสมัครรอบแอดมิชชั่นส์นั้นยังสรุปไม่ได้ว่าเท่าใด โดยคำนวณจากจำนวนเด็กที่สมัคร คิดเม็ดเงินเป็นรายหัว หัวละ 900 บาท ส่วนที่มีตัวเลขใช้งบ 50 ล้านบาท ยังไม่แน่นอน อีกทั้งแต่ละปีเด็กที่เข้าถึงรอบที่ 3 มีจำนวนไม่เท่ากัน แต่เท่าที่ดูตัวเลขผู้สมัครรอบที่ 3 มีประมาณ 120,000 คน น่าจะใช้งบไม่เกิน 90 ล้านบาท หรืออาจลดลงมากกว่านั้น
“ปี 2567 ถือเป็นการนำร่อง แต่ระยะยาวต้องหารือกับสำนักงประมาณว่าจะใช้งบตรงส่วนใด แต่คิดว่าไม่มีปัญหา เพราะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์กับนักเรียน และเป็นนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ กระจายโอกาส โดยปีนี้ถือเป็นปีนำร่อง เพิ่มโอกาสทางการศึกษา ซึ่งเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ดี และจะดำเนินการต่อเนื่องแน่นอน” น.ส.ศุภมาสกล่าว
