ซีมีโอสปาฟา-กรมศิลป์-ยูเนสโก อบรมอนุรักษ์ด้านโบราณคดีใต้น้ำในเซาท์อีสเอเชีย

ซีมีโอสปาฟา-กรมศิลป์-ยูเนสโก อบรมอนุรักษ์ด้านโบราณคดีใต้น้ำในเซาท์อีสเอเชีย

ศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยโบราณคดีและวิจิตรศิลป์ภายใต้องค์การรัฐมนตรี ศึกษาธิการแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีมีโอสปาฟา) กรมศิลปากร ยูเนสโก และศูนย์นานาชาติว่าด้วยโบราณคดีใต้น้ำ ณ เมืองซาดาร์ (ICUA) ประกาศความร่วมมือจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรใหม่ เน้นสร้างความแข็งแกร่ง ด้านการอนุรักษ์และบูรณะโบราณวัตถุใต้น้ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การฝึกอบรมครั้งนี้มีระยะเวลา 2 สัปดาห์ ในหัวข้อ “South-East Asian Sub-regional Introductory Course on Conservation and Restoration of Underwater Archaeological Finds” หลักสูตรเบื้องต้นด้านการอนุรักษ์และบูรณะโบราณวัตถุใต้น้ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วันที่ 19-29 มิถุนายน ที่กรุงเทพฯ จ.ปทุมธานี และ จ.จันทบุรี นับเป็นการฝึกอบรมด้านการอนุรักษ์ และบูรณะโบราณวัตถุครั้งแรกในภูมิภาค ที่ครอบคลุมวัสดุหลากหลายประเภทซึ่งมักพบในแหล่งมรดกวัฒนธรรมใต้น้ำ

นายเขมชาติ เทพไชย ผู้อำนวยการศูนย์ซีมีโอสปาฟา กล่าวว่า การฝึกอบรมครั้งนี้ ซีมีโอสปาฟา กรมศิลปากร และยูเนสโก จะพัฒนาการอนุรักษ์และบูรณะ มรดกวัฒนธรรมใต้น้ำ โดยบูรณาการความรู้ความชำนาญ และทรัพยากรต่างๆ ร่วมกัน รวมทั้ง ได้รับความอนุเคราะห์ ด้านองค์ความรู้ และทรัพยากรจำเป็นอื่นๆ จากศูนย์นานาชาติว่าด้วยโบราณคดีใต้น้ำ (ศูนย์นานาชาติประเภท 2 ที่จัดตั้งขึ้นด้วยความอุปถัมภ์จากยูเนสโก) ที่เมืองซาดาร์ สาธารณรัฐโครเอเชีย หน่วยงานสำคัญทั้ง 4 แห่งนี้ มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงพัฒนาศักยภาพของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้พร้อมต่อการดำเนินงานเพื่อปกป้องคุ้มครองมรดกวัฒนธรรมใต้น้ำไว้ให้คนรุ่นหลังต่อไป

Advertisement

“เราตั้งความหวังไว้ว่า การฝึกอบรมนี้จะช่วยสร้างบุคลากรรุ่นใหม่จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความรู้ความชำนาญวิชาชีพด้านโบราณคดีใต้น้ำ และด้านอนุรักษ์ การฝึกอบรมครั้งนี้ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาองค์การยูเนสโกว่าด้วยการคุ้มครองมรดกวัฒนธรรมใต้น้ำ ค.ศ.2001 ซึ่งรับรองในเดือนพฤศจิกายน 2544 ให้กำหนดกรอบกฎหมายร่วม และแนวปฏิบัติเพื่อให้แต่ละประเทศดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ทั้งการบ่งชี้มรดกวัฒนธรรมใต้น้ำ การวิจัย มาตรการปกป้อง และการอนุรักษ์มรดก วัฒนธรรมใต้น้ำ ให้เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายเขมชาติ กล่าว

ฟรังกา โคล นักโบราณคดี นักอนุรักษ์ด้านโบราณคดี และวิทยากรร่วมบรรยายจากพิพิธภัณฑ์ซาราวัค (Sarawak Museum – JMS) ประเทศมาเลเซีย กล่าวถึงแง่มุมของการอนุรักษ์โบราณวัตถุใต้น้ำ ฝึกอบรมผู้เข้าร่วมให้มีความรู้จากการลงมือปฏิบัติจริงอย่างครอบคลุมตามหลักการและเทคนิคการอนุรักษ์ และบูรณะวัสดุประเภทเครื่องดินเผาหรือเซรามิก แก้ว โลหะ ไม้ และวัสดุอินทรีย์อื่นๆ ซึ่งช่วยพัฒนาทักษะสำคัญอันจะนำไปสู่การปกป้อง และสงวนรักษาโบราณวัตถุล้ำค่าเหล่านี้ให้คงอยู่ต่อไป ว่า งานโบราณคดีใต้น้ำมีความท้าทายอย่างมากต่อกิจกรรมโลจิสติกส์ แต่สภาพแวดล้อมใต้น้ำกลับช่วยรักษาวัสดุอินทรีย์ และโบราณวัตถุในระดับที่พบได้น้อยมาก หรือไม่อาจเกิดขึ้นได้เลยหากอยู่บนบก การวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อการอนุรักษ์เชิงคัดเลือก เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพียงวิธีเดียว ที่จะช่วยปรับเปลี่ยนเป้าหมายการวิจัย และการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมให้สมดุลกับสภาพความเป็นจริงทางเศรษฐกิจและขีดความสามารถที่มีอยู่

น.ส.ชิฮิโระ นิชิกาวะ ผู้เชี่ยวชาญโครงการของยูเนสโก กล่าวว่า ยูเนสโกยินดีมากที่ได้กลับมาเปิดหลักสูตรฝึกอบรมด้านมรดกวัฒนธรรมใต้น้ำในประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากเคยจัดฝึกอบรมในไทยมาหลายครั้ง ระหว่างปี 2552-2554 ทั้งนี้ อีก 10 ปีข้างหน้า ทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีใต้น้ำ และมีทักษะด้านการอนุรักษ์เพียงพอที่จะปกป้อง และบริหารจัดการมรดกทาง วัฒนธรรมใต้น้ำได้อย่างยั่งยืน ตามอนุสัญญายูเนสโก ปี ค.ศ.2001

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image