อธิบดีกรมศิลป์ ยันโครงสร้างพระปรางค์วัดอรุณ ไร้ปัญหา เดินหน้าใช้เทคโนฯ 3D สแกนโบราณสถานทั่ว ปท.

อธิบดีกรมศิลป์ ยันโครงสร้างพระปรางค์วัดอรุณ ไร้ปัญหา เดินหน้าใช้เทคโนฯ 3D สแกนโบราณสถานทั่ว ปท.

นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากกรณีที่กรมศิลปากรดำเนินการจัดเก็บข้อมูล 3D โบราณสถาน ด้วยวิธีสแกนภาพสามมิติ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ตามโครงการเก็บข้อมูลโบราณสถาน โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการดูแลโบราณสถานของชาติ ซึ่งผลการสแกนพบมณฑปด้านทิศใต้เอียงเข้าหาองค์พระปรางค์เล็กน้อยนั้น ยืนยันไม่มีเหตุบ่งชี้ว่าเป็นอันตรายต่อตัวโบราณสถาน เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับโบราณสถานที่มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงสูง อย่างไรก็ตาม จะเก็บข้อมูลเป็นระยะเพื่อเป็นแนวทางในการอนุรักษ์ต่อไป

นายพนมบุตรกล่าวต่อว่า ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม กรมศิลปากร ได้ดำเนินโครงการจัดเก็บข้อมูล 3D โบราณสถาน ด้วยวิธีสแกนภาพสามมิติ (TLS & Photogrammetry) ที่วัดอรุณ เพื่อเก็บข้อมูลสภาพโบราณสถานไว้ศึกษา และดำเนินการอนุรักษ์ในอนาคต จากการสำรวจพบพื้นมณฑปทิศด้านทิศใต้ขององค์พระปรางค์เอียง ทำให้ตัวมณฑปเอียงเข้าหาพระปรางค์เล็กน้อย แต่ไม่เป็นอันตราย และไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างขององค์พระปรางค์ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเอียงตั้งแต่แรกก่อสร้าง หรือการซ่อมแซมบูรณะในภายหลัง รวมถึง ลักษณะโครงสร้างของดินในกรุงเทพฯ นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ ที่ปรึกษาด้านการบูรณะโบราณสถานของกรมศิลปากร จึงได้เข้าหารือกับทางวัด พร้อมทั้งเสนอแนะให้ติดตามเฝ้าระวัง และจัดเก็บข้อมูลทางวิศวกรรมโดยละเอียด และต่อเนื่อง มีกรอบระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อตรวจสอบแนวโน้ม และวิเคราะห์ว่ามีการเคลื่อนตัวจริงหรือไม่ หากเอียงเพิ่มเติม จะได้หาแนวทางอนุรักษ์อย่างเหมาะสมต่อไป

Advertisement

“การตรวจสอบสถานะลักษณะทางกายภาพของโบราณสถาน ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นสิ่งที่กรมศิลปากรทำอยู่แล้ว โดยเฉพาะโบราณสถานที่มีความสำคัญ เช่น อดีตเจดีย์ที่วัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดการทรุดเอียง กรมศิลปากรได้เข้าไปตรวจสอบจนมั่นใจว่าไม่มีการเอียงมากไปกว่าเดิม และไม่เป็นอันตราย สิ่งที่แตกต่างคือเรื่องของเทคโนโลยี ที่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สูงขึ้น โดยใช้ 3D สแกน แสดงให้เห็นภาพเปรียบเทียบในลักษณะไฟล์ดิจิทัล ที่มีความแม่นยำสูงกว่าในอดีต การสำรวจโบราณสถานเป็นภารกิจที่กรมศิลปากรดำเนินการเป็น ประจำอยู่แล้ว มีกระบวนการตรวจสอบ ติดตาม เฝ้าระวัง โดยนําเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้ ซึ่งการเก็บข้อมูลด้วยเทคโนโลยี 3D นี้ จะช่วยเก็บรักษาข้อมูลสภาพโบราณสถานในรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้การอนุรักษ์โบราณสถานของกรมศิลปากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ประชาชนที่เที่ยวชมโบราณสถานมั่นใจในความปลอดภัยได้ จากนี้จะดำเนินโครงการในลักษณะเดียวกันนี้กับโบราณสถานอื่นๆ อีกด้วย” นายพนมบุตร กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image