ไมค์ พิรัชต์ เผยฟางเส้นสุดท้ายก่อนตัดสินใจร้องศาล น้ำตาคลอพูดถึงครอบครัว พร้อมความในใจสุดซึ้งถึงลูก
หลังจากไมค์ พิรัชต์ ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางขออำนาจในการปกครองบุตรร่วมกับ ซาร่า คาซิงกินี
-ทนายเจมส์ยืนยัน กรณีไมค์ พิรัชต์ ไม่ใช่การพรากแม่กับลูกออกจากกัน
-แห่ส่งกำลังใจ ‘ไมค์ พิรัชต์’ เพื่อนสนิท ‘ทับทิม-หญิงแม้น’ ร่ายยาวบอกทนมามากพอแล้ว
-เปิดค่าเลี้ยงดูแม็กซ์เวลล์ “ไมค์”จ่ายปีละเท่าไร
-‘ซาร่า’ สะอื้นลูกโดนลดคุณภาพชีวิต ถูกบีบให้ออกจากคอนโดหรูย้ายไปอยู่ห้องเช่าเดือนละ 4,000
ล่าสุดวันนี้ (16 กันยายน) ที่อาคารปฏิบัติการ ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ไมค์และทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต ได้ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยไมค์บอกว่า เหตุที่ไปยื่นคำร้องเพราะต้องการได้สิทธิการเป็นพ่อตามกฎหมายและอำนาจในการปกครองลูกร่วมกับซาร่า ด้วยเหตุนี้คำว่าพรากลูกไม่น่าจะนำมาใช้ในกรณีนี้
“ผมไม่อยากให้แม็กซ์เวลล์โตมาแล้วเห็นว่าผมจะไปพรากลูกจากแม่เขา การที่ผมได้มีอำนาจปกครองร่วม สิทธิที่ผมขอคือการได้เจอลูกตามปกติ ไม่ใช่อยากจ่ายเงินอย่างเดียว แต่ผมอยากอยู่ในทุกช่วงชีวิตของเขา อยากเห็นเขาเจริญเติบโต”
ทั้งนี้ไมค์บอกว่า ที่ผ่านมาเขาไม่ได้เจอลูกมาสักระยะหนึ่งแล้ว จำได้ว่าได้เจอวันที่ 15 มีนาคม หลังตนกลับมาจากต่างประเทศ แล้วมาได้เจออีกทีก็เดือนกรกฎาคมช่วงใกล้วันเกิดของลูก
“มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เรียกว่าค่อนข้างจะซับซ้อน การไปเจอของผมคือต้องไปดักเจอที่โรงเรียน หรือใต้คอนโด”
“เหตุการณ์ที่ผมไม่โอเคมากๆคือผมไปรอเก้อที่สนามบิน” ไมค์เล่า โดยเขาให้รายละเอียดว่าก่อนวันเกิดของลูก เขาอยากจะพาลูกไปค้างที่บ้าน เพื่อเป่าเค้กกับครอบครัวของเขา จากนั้นวันรุ่งขึ้นจะไปส่งที่สนามบินเพื่อให้ลูกไปภูเก็ตตามแผนของซาร่าตามที่ตนเข้าใจ ครั้นถึงวันที่นัดหมายจึงไปรออยู่ที่ใต้ถุนคอนโด แต่ซาร่ากลับแจ้งว่าไม่ได้มีการคอนเฟิร์มกัน และแม็กซ์เวลล์มีแผนจะไปว่ายน้ำกับเพื่อน สุดท้ายตนจึงได้เจอลูกแค่ไม่กี่นาที
“แล้วมันผิดปกติตรงปฏิกริยาที่ลูกมีต่อผมมันไม่เหมือนเดิม มันเปลี่ยนไป ซึ่งมีมาสักพัก เหมือนเขาสับสนหรืออะไรสักอย่าง วันนึงบอกว่ารักผม อีกวันบอกไม่รัก ไม่อยากเจอแล้ว ซึ่งผมว่ามันแปลก แล้วเหมือนเขาผวา เขากลัวอะไรสักอย่าง”
อย่างไรก็ตามในวันต่อมา ซาร่ากลับส่งข้อความถามว่าเขาจะไปรับลูกไหม บอกด้วยว่าถ้าไปรับก็ต้องส่งกลับบ้านตอน 1 ทุ่ม อย่างไรก็ดีเมื่อตนถามถึงเที่ยวบินและเวลาออกเดินทางก็ไม่ได้รับคำตอบ แต่เนื่องจากตนติดงานจึงไม่ได้ไปรับ
“แต่ผมก็ไปสนามบิน คิดเอาเองว่าเขาบอกส่งถึงบ้านทุ่มนึง ไฟล์ทน่าจะหลังจากนััน ก็ไปดักที่สนามบิน 2 ทุ่มรอถึง 4 ทุ่ม ไมมีใครมา ติดต่อไม่ได้ เลยถามเคาน์เตอร์เขาบอกไฟลท์หมด 1 ทุ่ม วันต่อมาผมก็ไปดักที่โรงเรียนที่ลูกไปเรียนเต้น ก็เห็นของแม็กซ์เวลล์เดินลงมากับพี่เลี้ยง อ้าว, ทำไมผมเอาลูกมานอนไม่ได้”
“ผมถ่ายรูปไว้ได้ ก็ถามเขาว่าทำไมต้องทำแบบนี้ (เสียงเครือ) ผมไม่เข้าใจเหตุผล ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ไม่ตอบอีกเลย”
ไมค์ยังบอกด้วยว่า ความจริงเรื่องราวเหล่านี้เขาไม่ได้อยากพูดให้ใครฟัง เรื่องต่างๆถ้าตกลงกันได้ก็ไม่อยากขึ้ัันศาล
ไมค์ยังบอกด้วยว่า เรื่องที่เขาพยายามถามซาร่ามาตลอดคือเรื่องโรงเรียนของลูก เพราะจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบและไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ ทำให้มีความกังวลเรื่องรายได้ เกรงว่าจะไม่สามารถจ่ายค่าเทอมปีละ 800,000 บาท แบบที่เคยจ่ายอยู่ไหว จึงได้หารือเรื่องการย้ายโรงเรียน ซึ่งตนไปดูมาหลายที่ บางแห่งก็หมดเขตรับนักเรียนแล้ว สุดท้ายจึงตัดสินใจเสนอโรงเรียนแห่งหนึ่งให้ เป็นโรงเรียนที่คิดว่าใช้ได้ ค่าเทอมอยู่ที่ 150,000 บาท แต่ซาร่าก็บอกว่าจะไปเลือกโรงเรียนเอง
“ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้ว่าลูกเรียนโรงเรียนอะไร”
ไมค์บอกอีกว่า ที่ผ่านมาได้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้แม็กซ์เวลล์ 100 % ตั้งแต่เกิด 6 ปีที่ผ่านมาจ่ายไปแล้วเกือบ 10 ล้านบาท เคยถามซาร่าเหมือนกันว่าจะแชร์ค่าใช้จ่ายส่วนไหนได้บ้าง เพราะซาร่าก็มีงานอีเว้นต์ มีละคร แต่ไม่เคยได้คำตอบ
เรื่องการลดคุณภาพชีวิตลูกให้ไปเช่าคอนโดเดือนละ 4,000 บาทอยู่ ไมค์ก็ว่าความจริงคือคอนโดที่เคยให้ซาร่ากับลูกอยู่เป็นคอนโดของญาติซึ่งทำธุรกิจห้องเช่า และห้องดังกล่าวโดยปกติคิดค่าเช่าเดือนละ 30,000 บาท แต่เมื่อให้แม็กซ์เวลล์อยู่ เขาก็ลดเหลือเดือนละ 24,000 บาท อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์โควิดทำให้คอนโดห้องอื่นๆไม่มีผู้เช่า เจ้าของห้องบอกว่าห้องนี้เป็นห้องเดียวที่เขาปล่อยได้ เขาต้องการปล่อย ตนจึงคุยกับซาร่าว่าไหนๆจะย้ายโรงเรียนแล้ว ก็ให้ไปดูคอนโดที่ใกล้ๆ
“ผมไปหาข้อมูลมา ดูคอนโดที่ค่อนข้างโอเค แต่ราคาไม่แพง ส่งไปตั้งแต่ราคา 4,800 บาท 8,000 บาท 13,000 บาท และทุกอันผมดูแล้วว่าถ้าผมอยู่ได้ ลูกผมก็อยู่ได้ ส่งไปหลายๆช้อยส์ ไม่ได้บังคับว่าต้อง 4,000 ก็เสนอ แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายก็มาดูกัน คุณจ่ายอันนี้ ผมจ่ายอันนี้”
ไมค์บอกด้วยว่าที่มีข่าวว่าซาร่าไม่คุยกับตนก็เพราะเรื่องหมายศาล แต่ความจริงคือเขาไม่คุยมาตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม ขณะที่หมายศาลไปถึงวันที่ 18 กรกฎาคม
ไมค์ซี่งชี้แจงไปถอนหายใจไปเป็นระยะๆยังบอกอีกว่า “มีดีเทลเยอะมากที่พูดเท่าไหร่ก็ไม่หมด และไม่ได้อยากจะพูดเลย เพราะมันจะกระทบกับลูกผม ผมไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดเพราะอะไร แต่ที่เห็นชัดๆคือพอผมไปขอลดตรงนี้หน่อยมันก็เริ่มมีความไม่เมคเซ้นส์ มีคำว่าทำไมมาเยอะ ผมมีคำถามเยอะมาก แต่ผมไม่ได้คำตอบมานานแล้ว แล้วที่ผมคอนเซิร์นสุดคือลูกผมเรียนที่ไหน ลูกผมมีที่เรียนหรือเปล่า”
เรื่องที่มีคนบอกว่าก่อนหน้าเขาไม่ยอมเซ็นใบรับรองบุตร ไมค์ก็บอก “ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะไม่เซ็นเอกสารใบนี้ แล้วทำไมต้องมาตั้งคำถามว่าทำไมเพิ่งมาเซ็นตอนนี้ สิ่งที่ผมทำมา 6 ปี กระดาษใบนึงสำคัญกว่าการกระทำเหรอครับ”
“ทุกวันนี้ผมไม่ได้เจอลูก ผมก็ยังจ่ายทุกเดือน 3 หมื่นเหมือนเดิม แต่อื่นๆผมขอตัดนะ ค่าพี่เลี้ยงค่าอะไร เพราะผมก็เห็นว่าเขาก็มีงาน มีรายได้ เอามาช่วยตรงนี้ไม่ได้เหรอ แต่เขาบอกเขาไม่มี แล้วบอกว่าผมไปแตะความสุขของลูก ไปแตะเรื่องโรงเรียน ทำไมผมถึงเป็นคนที่รับผิดชอบอยู่คนเดียว คำพูดแรกที่ลูกพูดตอนโทรมา คือแมกซ์ไม่อยากย้ายโรงเรียน ทำไมลูกพูดแบบนี้ ไปสื่อสารยังไง ทำไมลูกคิดแบบนี้ มันคือ 2 คนไม่ใช่เหรอครับ”
“วันนึงลูกบอกอยากเจอแดดดี๊ อีกวันโทรมาบอกไม่อยากเจอแล้ว แม็กซ์เปลี่ยนใจ ทัั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย มันเกิดอะไรขึ้นกับลูกผม”
เมื่อถามเรื่องที่มีการพูดกันว่า เขาไม่เคยพูดเรื่องรับรองลูกเลย แต่วันหนึ่งก็มาขอเซ็น ไมค์ก็ว่าที่ตนจำได้ คือซาร่าเคยขอให้เคารพในความเป็นแม่ของเขา พร้อมกับขอให้ลูกโตพอจะตัดสินใจว่าจะให้เซ็นหรือไม่
“ผมก็โอเค คิดว่ากระดาษนั้นคือกระดาษใบหนึ่ง แล้วผมไม่รู้เรื่องกฎหมายเลย เอาเป็นว่าเราทำให้เห็นก็แล้วกัน ไม่เป็นไร ต่อให้โดนสังคมด่า ผมขอพิสูจน์ด้วยสิ่งที่ผมทำมากกว่า ที่ผ่านมาผมก็พยายามทำมาตลอด เวลาว่างก็มาเจอลูก มีคนบอกว่าไปทำงานต่างประเทศ ดูแลลูกไม่ได้หรอก แม่เขาดูแลคนเดียว ถามหน่อยว่าผมไปทำงานต่างประเทศ ผมไม่ได้ดูแลลูกเหรอ ผมไปคนเดียว ห่างครอบครัว ห่างลูก แปลว่าผมไม่รักลูก ไม่ดูแลลูกเหรอ” ไมค์พูดด้วยเสียงเครือ
ไมค์ยังย้ำอีกว่า ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือแมกซ์เวลล์ต้องมีทั้งพ่อและแม่ ขาดใครคนใดไปไม่ได้
“สุดท้ายซาร่าก็คือแม่ของแม็กซ์เวลที่เปลี่ยนไม่ได้ ผมก็คือพ่อของแม็กซ์เวลล์ที่เปลี่ยนไม่ได้”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการยื่นคำร้องครั้งนี้เป็นเพราะข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องดาราสาวตั้งครรภ์หรือไม่ ไมค์บอกเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา และเขาไม่อยากยุ่ง ขณะที่ทนายเจมส์เสริมว่า เรื่องดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ พวกตนไม่ทราบ แต่การยื่นคำร้องมีขึ้นก่อนข่าวดาราสาวตั้งครรภ์กลางกองถ่าย
ส่วนที่ผ่านมาการที่เขาไม่ออกมาพูดอะไร ไมค์ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะไม่เห็นประโยชน์ในการพูด คิดว่าวิธีที่ดีที่สุดคือเงียบ เพราะการออกมาโต้ตอบกันไม่ทำให้เรื่องจบ และผลเสียจะตกอยู่กับลูก ส่วนตนถ้าจะโดนด่าก็ไม่เป็นไร
“เราเกิดมาครั้งเดียว ตายครั้งเดียว ก็ใช้ชีวิตสิครับ มาต่อสู้กันมันได้อะไร สุดท้ายคนที่ชนะ คือชนะจริงๆเหรอ รู้สึกชนะจริงๆใช่ไหม มันมีแต่ผู้แพ้ในการต่อสู้ แล้วจะพูดทำไม”
ไมค์ยังพูดต่อด้วยน้ำตาว่า ถ้าจะมีใครตำหนิ หรือต่อว่าในเรื่องที่เกิดขึ้นขอให้มาลงที่ตน อย่าไปว่าครอบครัวของตน ขณะเดียวกันก็ขอโทษที่ดึงพวกเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าวันหนึ่งแม็กซ์เวลล์ได้มาเห็นคลิปนี้เขาจะบอกลูกว่าอย่างไร ไมค์ก็ว่า
“อยากจะบอกแม็กซ์ว่าเป็นเรื่องปกติ แดดดี๊เป็นดารายังไงก็ต้องเจอเรื่องแบบนีั แล้วไม่อยากให้แม็กซ์เอามาเป็นปม มันไม่ใช่ปม แม่และแดดดี๊รักพี่แม็กซ์ที่สุดอยู่แล้ว”
“ไม่ต้องคิดน้อยใจว่าทำไมครอบครัวเราไม่ปกติเหมือนคนอื่นๆ หลังจากนี้อยากให้แม็กซ์รู้ว่าไม่ว่าใครจะคิดยังไง พูดยังไง ให้รู้ว่าจากนี้จนวันตายแดดดี๊ก็รักและไม่มีวันทิ้งแมกซ์ และถ้าวันนี้แดดดี๊ไม่ได้อยู่กับพี่แม็กซ์ ที่ตรงนี้ก็เป็นของพี่แม็กซ์เสมอ และพี่แม็กซ์กลับมาหาแดดดี๊ได้เสมอ”
สำหรับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไมค์บอกว่าเขาเองก็ไม่ทราบว่าปัญหาอยู่ตรงไหน แต่รู้สึกสงสารลูก และอยากให้เรื่องนี้จบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้