ความรัก ริษยา คำสัญญา การรอคอย และชดใช้ ความรู้สึกที่ญาญ่ามี ไม่ต่างจาก ‘กาสะลอง’ และ ‘ซ้องปีบ’

ตัวละครในบทประพันธ์ “กลิ่นกาสะลอง” ที่ถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์และกำลังแพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ทุกวันจันทร์และอังคาร หลังข่าวภาคค่ำนั้น ล้วนผูกพันแบบข้ามชาติข้ามภพกัน โดยมี “ความรัก” , “ความริษยา” , “คำสัญญา” , “การรอคอย” และ “การชดใช้” เป็นแรงผลักดัน

สำหรับ ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ นั้น เธอบอกว่า โดยส่วนตัว ในฐานะมนุษย์ แน่นอนว่าเธอย่อมมีความรู้สึกในเรื่องพวกนี้ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ย่อมแตกต่างจากที่ “กาสะลอง” และ “ซ้องปีบ” รู้สึก

โดยในเรื่องของความรัก สำหรับเธอ “มันคือธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ เกิดมาทุกคนก็จะมีสิ่งนี้อยู่ในตัวอยู่แล้ว”

Advertisement

“สำหรับญ่า มันเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ค่ะ”

ขณะที่ในด้านความริษยา ญาญ่าบอก “เป็นความรู้สึกที่ทุกคนจะต้องรู้สึกในทุกวัน มันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติมนุษย์เหมือนกัน” และเธอเองไม่ได้รู้สึกว่าความริษยาคืออะไรที่ไม่ดี

“ถ้าเรารู้ขอบเขตของความรู้สึกนี้ อิจฉาริษยาได้ในปริมาณที่ถูกต้อง”

Advertisement

เพราะลึกๆ แล้วก็เชื่อว่า เราๆ ทุกคนสามารถเปลี่ยนความรู้สึกริษยา “ให้เป็นความรู้สึกทึ่งในความสามารถ หรือทึ่งในความโชคดีของคนคนนั้นแทนได้”

จากนั้นก็กำหนดเป็นมาตรฐานความต้องการของตัวเอง แล้วผลักดันให้ก้าวไปให้ถึงระดับของคนที่เราริษยาเขาอยู่

ส่วนคำสัญญา ญาญ่าบอกเลยว่า จากการเล่นละครเรื่องนี้ ทำให้รู้สึกว่าคำสัญญาเป็นคำที่มีน้ำหนักมากทางความรู้สึก ทั้งในส่วนของคนที่ให้ และในส่วนของคนที่ได้รับ

“คนที่ได้รับสัญญาเขาจะรู้สึกมากๆ ส่วนคนที่ให้คำสัญญา สุดท้ายแล้วมันจะเป็นอะไรที่หนักใจ ถ่วงอยู่ในใจ ว่าเมื่อไหร่จะทำสำเร็จ เป็นความรู้สึกที่เหนียวและหนักสำหรับคนคนหนึ่ง ซึ่งจะติดอยู่ในใจตลอด”

อย่างไรก็ดีโดยส่วนตัว “เป็นคนไม่ค่อยให้คำสัญญานะคะ” ญาญ่าบอก

“กลัวจะทำไม่ได้” คือเหตุผลที่ให้มาประกอบรอยยิ้ม

ยกเว้นแต่จะเป็นเรื่องง่ายๆ เช่น บอกเหล่าแฟนๆ ว่างานหน้าถ่ายรูปกันนะ

“แต่ว่าอย่างอื่นจะหลีกเลี่ยงคำว่าสัญญา ใช้ว่าจะพยายามมากกว่า”

“ตอนเด็กๆ อาจจะใช้ ไอ พรอมมิส บ่อย แต่เมื่อโตขึ้น เข้าใจความเป็นมนุษย์มากขึ้น เข้าใจความรู้สึกของคนมากขึ้น ก็จะไม่ค่อยเล่นกับคำว่าสัญญา”

“เพราะบางคนเขารอจริงๆ”

ขณะที่ในเรื่องของการรอคอย “น่าจะเป็นความรู้สึกของมนุษย์ที่เจ็บที่สุด” ญาญ่าบอก

“เพราะมันมีส่วนประกอบของคำว่า แล้วถ้า…เหมือนแบบฉันต้องรอ เพราะเดี๋ยวจะ…หรือว่าทำไมไม่รอ มันอาจจะ…คือมันจะมีคำว่า what if (ถ้าหากว่า ถ้าเกิดว่า) สูงมาก แล้วมันคือคำตอบที่เราไม่ได้สักที”

ด้วยเหตุนี้ตัวเธอเองจึงเลือกที่จะ “ไม่รอคอย” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ

“ญ่าเป็นคนค่อนข้างอะไรก็ได้ แล้วเชื่อว่าชีวิตคนเราส่วนหนึ่งโดนลิขิตมาแล้ว เพราะฉะนั้นอะไรจะเกิดขึ้น ก็ต้องเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้รอให้เกิด”

สุดท้ายกับคำว่าการชดใช้ ญาญ่าบอกว่า ในความรู้สึกของเธอ มนุษย์ทุกคนก็น่าจะต้องชดใช้อะไรไปเรื่อยๆ ในแต่ละวันโดยที่ไม่รู้ตัวอยู่แล้ว

แต่คำๆ นี้ในความรู้สึกลึกๆ ของเธอ จะเหมือนกับการต้องชดใช้กรรมอย่างไรพิกล

“ซึ่งญ่าว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรที่จะต้องชดใช้ขนาดนั้น”

การชดใช้ในชีวิตของเธอ ถ้าจะเรียกอย่างนั้นจริงๆ ก็เป็นแค่การชดใช้อย่างง่ายๆ กับเพื่อน กับครอบครัว กับคนรัก

“นั่นคือสิ่งที่เขาทำให้เรา เราก็ตอบแทน”

ด้วยความรู้สึกดีๆ

และนี่คือความรู้สึกนึกคิดของญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ ในวัย 26 ปี นักแสดงที่ใครๆ ก็กำลังพูดถึง

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image