‘เสก’ เล่าทำธุรกิจเจ๊ง 2 ปีสูญ 100 ล้าน-วงโลโซ คัมแบ๊ก รอบ23 ปี เคลียร์ใจจับมือจัดคอนเสิร์ตใหญ่

เสก เล่าทำธุรกิจเจ๊ง 2 ปีสูญ 100 ล้าน-วงโลโซ คัมแบ๊ก เคลียร์ใจจับมือจัดคอนเสิร์ตใหญ่

ได้เคลียร์ใจจนกลับมารวมตัวกันจัดคอนเสิร์ตใหญ่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ วง โลโซ หรือ LOSO Original นำโดย เสก-เสกสรรค์ ศุขพิมาย (ร้องนำ, กีตาร์), ใหญ่-กิตติศักดิ์ โคตรคำ (กลอง) และ กลาง-ณัฐพล สุนทราณู (เบส) จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในรอบ 23 ปี โดยล่าสุดในงานแถลงข่าว คอนเสิร์ตใหญ่ “28 YRS LOSO WE ARE THE ROCK & ROLL CONCERT” ก็ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า

การกลับมาของ LOSO Original ความพิเศษ?

Advertisement

เสก : “ครั้งนี้จะเริ่มต้นจาก LOSO Original เลย แล้วตามด้วยวง SEK LOSO เล่นกัน 2 วง เพลงที่ขนมาร้องในวันนั้นคงจะเยอะน่าดู สนุกแน่นอนครับ การกลับมาเพราะผมไม่ได้เจอ ‘ใหญ่’ (กิตติศักดิ์ โคตรคำ) กับ ‘พี่กลาง’ (ณัฐพล สุนทรานู) นานแล้ว มีความคิดถึงกัน นัดเจอกัน ปรับความเข้าใจในเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมา พอได้กอดกัน น้ำตาซึม ก็รู้สึกว่าต้องมีคอนเสิร์ตใหญ่ ผ่านมา 2 ปี ก็คนติดต่อมาว่าจะทำคอนเสิร์ต ก็รับปากตกลง”
วันนั้นไปเคลียร์ใจกัน?

เสก : “ใช่ครับ สิ่งที่ค้างคาก็หายหมดเลย ไม่เหลือเลย ตอนนั้นยังเด็กมากที่แยกตัวกันไป อายุ 20 กว่าๆ เอง”

ใหญ่ : “ตอนโน้นเราทะเลาะกัน มันไม่ใช่เรื่องอื่น ส่วนมากจะมีปัญหากันเรื่องเงิน แต่เราไม่มีเรื่องพวกนั้น คือเราเป็นวงที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย งานทั้งหมดเราเป็นคนทำเองหมด จะมีอีโก้ว่าไม่กลัวใครแค่นั้นเลย พอวันนึงเรากลับมาเคลียร์กันนิดเดียว นั่งคุยกัน ตอนนั้นพวกเรายังเด็ก”

Advertisement

เสก : “ตอนนี้เรียกว่าตกผลึกแล้ว อายุก็ 50 กันแล้ว ผ่านอะไรมาเยอะ กลับมารวมตัวกันก็ดีใจและรักกันมากกว่าเดิม”

เสียใจไหมช่วงนั้นน่าจะเคลียร์ใจกันได้เร็ว?

ใหญ่ : “ผมว่าชีวิตก็เป็นแบบนี้นะ สุข ทุกข์ ขึ้น ลง ต่างคนต่างมีหนทางตัวเอง วันนึงมันมาบรรจบกันก็ยิ่งรู้สึกดี”

กลาง : “ก่อนกลับมาโลโซ ผมก็ไปทำซาวด์เอ็นฯ ทำให้ศิลปินวนเวียนอยู่ในนี้ แต่เป็นเบื้องหลัง”

เสก : “เริ่มต้นที่ผมประสานไป ผมน้ำตาซึมเลยนะที่คุยกับใหญ่ตอนแรก”

ใหญ่ : “ช่วงที่กลับมาเป็นช่วงชีวิตพี่เสกถึงจุดพีคสุด ช่วงที่เขาไลฟ์นานๆ เรามีความเป็นห่วง แต่ไม่รู้จะเข้ามาหายังไง คอยมองอยู่ห่างๆ จนสุดท้ายไปรักษา พอออกมาปุ๊ปก็มีโอกาสได้มีคนที่เขาเชื่อมต่อเป็นกาวใจ เราเองก็อยากคุยกันอยู่แล้ว พอคุยครั้งแรกก็ร้องไห้เลย”

เสก : “มันซาบซิ้ง เหมือนเพลง ‘เราและนาย’ นั่นแหละ ไม่ทิ้งกันตลอดไป วันที่รวมตัวบรรยากาศเก่าๆ ก็กลับมา นั่งดื่ม นั่งคุย คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ”

ความเข้าขาในการเล่นดนตรี เหมือน 28 ปีที่แล้ว?

เสก : “ผมว่าไม่แตกต่างมากนะ เมื่อก่อนอาจจะสดกว่านี้ แต่คราวนี้จะเก๋ากว่า”

ใหญ่ : “ความเฟี้ยวจะลดลงไป จะมีความเก๋าเพิ่ม เพลงที่เคยเร็วๆ อาจจะลดให้ช้าลงหน่อย (หัวเราะ)”

เสก : “ผมว่าเราไม่ต้องจูนกันใหม่ เมื่อก่อนเราก็เล่นด้วยกันแบบนี้อยู่แล้ว เพลงก็เป็นเพลงที่เคยเล่นกันมาก่อน”

แฟนๆ ดีใจที่กลับมา?

ใหญ่ : “รอบนี้มันจะพิเศษในเรื่องของเพลง เพราะว่าสมัยก่อนเพลงของโลโซ ไม่ใช่มีเพลงที่เล่นแค่ กีต้าร์ เบส กลอง จะมีเครื่องดนตรีหลายๆ ชิ้น สมัยก่อนที่ทัวร์คอนเสิร์ตเราไม่สามารถเล่นเพลงพวกนี้ได้ แต่พอเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ เราก็สามารถที่จะเสกสรรค์ปันแต่งเต็มที่ เพลงที่ไม่เคยเล่นที่ไหนเลยจะมาเล่นที่คอนเสิร์ตนี้”

แขกรับเชิญ “น้องเสือ” ลูกชายเสก?

เสก : “อย่างเมื่อกี้ที่บอกว่า เสือตามไปเล่นคอนเสิร์ตกับผมตลอดสมัยก่อน ไปทัวร์คอนเสิร์ตต่างประเทศก็ไปด้วยตลอดเขาก็ซึมซับมา ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะร้องเพลงเป็น จนอยู่มาวันนึงเขากลับมาจากต่างประเทศเขาไปร้องคาราโอเกะกับผม ก็มีความรู้สึกว่าลูกจะมาทางผม เขาร้องแร็ปด้วย ก็ดีครับ คอนฯนี้เสือมีเพื่อนมาด้วยเป็นแร็ปเปอร์ แขกรับเชิญก็มี ‘น้องดา’ (ดา เอ็นโดรฟิน) และอีกหลายคนอุบไว้ก่อน แล้วจะทยอยบอก สนุกแน่นอน เป็นคนที่รักกัน ส่วน ‘พี่รัฐ’ (อภิรัฐ สุขจิตร์) จะเชิญมา แต่พี่เขาไม่สบายอาจจะเล่นสักเพลงนึง ต้องถามเขาว่าไหวหรือเปล่า คอนเสิร์ตครั้งนี้น่าจะประมาณ 3 ชั่วโมง ตอนนี้แก่แล้ว เล่นไม่ค่อยไหว (หัวเราะ) แต่ก็จะสู้เต็มที่ ถ้า SOLD OUT ก็จะเพิ่มรอบ แต่ตอนนี้ก็รอบเดียวก่อน หลังประกาศไปฟีดแบคแฟนๆ ผมมองจากสื่อมวลชนที่มาวันนี้ ผมว่าฟีดแบคดีมากๆ ขอบคุณทุกคน เล่น 3 ชั่วโมงไหวอยู่แล้วเพราะมีน้องๆ มาช่วยด้วย ผมไม่ได้ร้องคนเดียว”

ใหญ่ : “อย่างที่บอกครับว่าคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งล่าสุดที่เล่น คือคอนเสิร์ตเพื่อเพื่อน เหตุการณ์เมื่อ 23 ปีที่แล้ว สิ่งที่เชื่อมต่อโลโซกับแฟนเพลงก็คือบทเพลงและภาพคอนเสิร์ตในวันนั้น เด็กรุ่นหลังที่ยังติดตามโลโซอยู่ ไม่เคยเห็นเราเล่นด้วยกันอยู่แล้ว ก็ดูจากคอนเสิร์ตนั้นแล้วก็ฟังเพลงเก่าๆ ของเรา วันที่ 6 กรกฎาคม 2567 นี้ มาเจอกัน ฝากด้วยครับ”

“พี่เสก” โพสต์ล่าสุดทำธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง?

เสก : “เจ๊งไปแล้ว คือผมบอกตัวเองว่าถ้าหมด 100 ล้านจะไม่ทำต่อ ซึ่งก็หมดจริงๆ แต่โชคดีที่มีเงินเก็บอยู่ ซื้อที่ดินเก็บไว้ เรียกว่าไม่เครียดอะไรมาก แต่ถ้าไม่มีเงินเก็บเลยสงสัยจะเครียดมาก หมดไป 100 ล้านในระยะเวลา 2 ปีกว่า เป็นบทเรียนที่ราคาแพงมาก ก่อนที่จะถึง 100 ล้าน ก็เริ่มรู้สึกถอดใจแล้ว แต่ยังสู้ต่อ เพราะลูกน้องบอกบอสต้องสู้นะ ก็สู้ด้วยกัน แต่สุดท้ายไปไม่ได้ จริงๆ แล้ว เครื่อดื่มชูกำลังต้องลงทุนมากกว่านั้นเยอะ อย่างน้อยต้องมี 300-500 ล้าน ผมมองว่าตอนนั้นเงินเราไม่พอ โรงงานผลิตของเราก็ไม่มี แต่ก็ไม่เข็ดทำธุรกิจนะ อยากจะทำอีก แต่ว่าต้องดูว่าจะทำอะไร เรื่องนี้คนถามเยอะมาก เพราะหลังจากเป็นข่าว ก็มีคนถามอยากจะร่วมธุรกิจด้วย แต่ผมก็ยังไม่พร้อม แต่ก็เป็นไปได้ถ้ามีคนมาร่วมลงทุน ก็ปรึกษาคุณกานต์ (ภรรยา) ก่อน เขาจะเก่งกว่าผม การทำธุรกิจต้องศึกษาให้ดี ต้องมีทุน พนักงานก็สำคัญมาก ขอให้ทุกคนที่จะทำธุรกิจต้องคิดให้ดี เพราะมีความเสี่ยงและเรื่องขาดทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง หลังโพสต์ก็มีคนติดต่อมาซื้อเยอะ เราไม่ขาย เก็บไว้ให้ลูกๆ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image