‘ผู้รอดชีวิต’ เขื่อนเซน้ำน้อยแตกเผย รัฐบาลไม่แจ้งให้อพยพ รู้ตัวหลังน้ำทะลักวิ่งหนีตาย

(Attapeu Today via AP)

เว็บไซต์แชนแนลนิวส์เอเชียรายงานในวันเดียวกันอ้างคำสัมภาษณ์ของผู้รอดชีวิตจากเหตุสันเขื่อนแตกทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านโดยระบุว่าทางการลาวส่งข้อความเตือนเป็นเอกสารพร้อมแผนที่เตือนให้ 200 ครอบครัวในหมู่บ้านท่าหินใต้ ใกล้กับเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ให้ระมัดระวังแต่ไม่ได้ระบุว่าให้อพยพ

ปัดทุมมา ชาวบ้านในหมู่บ้านท่าหินใต้ระบุกับแชนแนลนิวส์เอเชียว่า ในช่วงเวลา 20.00น. เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม เป็นช่วงเวลาที่สันเขื่อนแตกส่งน้ำนับล้านๆลูกบาศก์เมตรไหลทะลักเข้าท่วมนั้นเกิดเสียงดังจนทำให้ตนต้องตัดสินใจหนีตาย

“ฉันได้ยินเสียงน้ำแล้วก็เริ่มวิ่ง เสียงมันเหมือนทะเล น้ำเริ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเริ่มท่วมบ้าน ระดับน้ำสูงจากเอวถึงมิดศีรษะ สูงขึ้น 1 เมตรต่อชั่วโมง บางคนที่วิ่งหนีไม่ทันก็ตาย” ปัดทุมมา ชาวลาววัย 22 ปีระบุ ระหว่างพักที่ศูนย์พักพิงในโรงเรียนเซน้ำน้อย ที่รองรับผู้ประสบภัยราว 1,300 คนในเวลานี้

ปัดทุมมา ระบุด้วยว่า การแจ้งเตือนของรัฐบาลนั้นไม่ชัดเจนทำให้ชาวบ้านเริ่มต้นอพยพตอนที่เขื่อนแตกไปแล้วโดยครอบครัวของตนต้องอยู่บนหลังคาจนถึง 09.00น.ของอีกวันหนึ่งก่อนได้รับความช่วยเหลือ นอกจากนี้ปัดทุมมายังระบุว่ามีเพื่อนบ้านที่ต้องถูกกระแสน้ำพัดหายไปในจำนวนนี้รวมไปถึงเด็กที่ว่ายน้ำไม่เป็นด้วย

Advertisement

แชนแนลนิวส์ เอเชียรายงานว่า เส้นทางการไปถึงผู้ประสบภัยนั้นยากลำบากมากส่วนใหญ่สิ่งของยังชีพถูกส่งเข้าไปโดยเฮลิคอปเตอร์ โดยหากใช้การขนส่งโดยรถยนต์อาจต้องใช้เวลาถึง 2 วัน อย่างไรก็ตามล่าสุดสิ่งของจำเป็นที่ได้รับการบริจาคอย่างยารักษาโรค เสื้อผ้า อาหารกระป๋อง น้ำดื่มถูกส่งถึงศูนย์อพยพในแขวงอัตตะปือแล้วบางส่วน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเพียงพอหรือไม่ โดยมีการคาดการณ์กันว่าผู้ประสบภัยอาจต้องอยู่ในศูนย์พักพิงยาวนานนับเดือน ท่ามกลางความแออัด

เวียงไซ ไซสมบัติ นายกเหล่ากาชาดแขวงอัตตะปือ แสดงความห่วงกังวลถึงสุขลักษณะของศูนย์พักพิงชั่วคราวที่แออัดในโรงเรียน ที่มีห้องน้ำ น้ำดื่มและอาหารอย่างจำกัด และว่าเวลานี้ น้ำดืมนั้นไม่เพียงพอแล้ว
ทั้งนี้สื่อท้องถิ่นของลาวระบุว่ามีผู้ที่ต้องไร้บ้านแล้วราว 6,600 ราย หลังเขื่อนแตก ขณะที่องค์การ

สหประชาชาติระบุตัวเลขผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเอาไว้ที่ 11,777 ราย ขณะที่ข้อมูลจากกาชาดลาวระบุว่า เฉพาะในเมืองสะหนามไซ แขวงอัตตะปือเพียงแห่งเดียวนั้นมีประชาชนราว 3,843 คน จาก 1,578 ครอบครัว ได้รับผลกระทบ ขณะที่มีพื้นที่ไร่นาเสียหายราว 20 ตารางกิโลเมตร ความเสียหายซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลานานในการฟื้นฟูให้กลับคืนมาเป็นปกติ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image