หุ้นมะกันร่วงต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ติด น้ำมันปรับลดเกือบ 3 ดอลลาร์ เยนอ่อนค่าสุดรอบ 24 ปี
ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 เมื่อกลับมาเปิดการซื้อขายอีกครั้งในวันที่ 5 กันยายน หลังหยุดทำการไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สวนทางกับตลาดหุ้นหลักในยุโรปที่ปิดตัวในแดนบวกทั้งหมด
โดยดัชนดีเอสเอนด์พี 500 ปิดลด 0.41% หรือลดลง 16.07 จุด มาปิดที่ 3,908.19 จุด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดลดลง 0.55% หรือลด 173.14 จุด ปิดที่ 31,145.30 จุด ส่วนดัชนีแนสแดกปรับลด 0.72% หรือ 87.13 จุด มาปิดที่ 12,011.31 จุด
สาเหตุสำคัญมาจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเร็วๆ นี้เพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับวิกฤตด้านพลังงานที่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจยุโรปด้วย
ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์หลักในยุโรปพากันปิดตัวในแนวบวกทั้งหมด โดยดัชนี DAX ของเยอรมนีปิดเพิ่มขึ้น 0.87% หรือ 110.66 จุด มาปิดที่ 12,871.44 จุด ดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษ ปิดเพิ่ม 0.18% หรือบวก 13.01 จุด ปิดที่ 7,300.44 จุด ดัชนี CAC 40 ปิดเพิ่ม 0.19% หรือ 11.39 จุด มาอยู่ที่ 6,104.61 จุด และดัชนี EURO Stoxx 50 ปิดบวก 0.29% หรือ 10.13 จุด มาอยู่ที่ 3,500.14 จุด
ด้านเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.6% ขณะที่ยูโรปอ่อนค่าลงอีกครั้ง และยังไม่สามารถกลับมายืนระดับที่สูงกว่าดอลลาร์ได้ โดยค่าเงินยูโรล่าสุดลดลง 0.27% มาอยู่ที่ 0.9899 ดอลลาร์ต่อยูโร เช่นเดียวกับเงินเยนที่อ่อนค่าลงอีก 1.53% แตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 24 ปี อยู่ที่ 142.80 เยนต่อดอลลาร์
แม้ว่ากลุ่มโอเปคพลัสจะประกาศปรับลดกำลังการผลิต แต่ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ยังคงปรับตัวลดลงจากความกังวลด้านเศรษฐกิจ โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือปรับลดลง 2.91 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3% มาปิดที่ 92.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวตส์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้น 1 เซนต์ มาอยู่ที่ 86.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
