ภัตตาคาร Blue Elephant ยกวัตถุดิบท้องถิ่นสู่ Fine Dining รสชาติอาหารไทยที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ต่างชาติ : คอลัมน์ เคี้ยวตุ้ย ตะลุยกิน

ไก่ผัดกะลามะพร้าวอ่อนในกะเพรา

พูดชื่อภัตตาคาร Blue Elephant เชื่อว่าคนรู้จักน่าจะเป็นต่างชาติมากกว่าคนไทย เพราะร้านอาหารไทยช้างน้ำเงินนี้ไปสร้างชื่อไว้เมื่อครั้งตั้งสาขาแรกในปี 2523 ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ความอร่อยเป็นที่เลื่องลือ ทำให้รสชาติความเป็นไทยได้ขจรขจายขยายสาขาไปทั่วยุโรป ตั้งแต่ปารีส ลอนดอน โคเปนเฮเกน

ส่วนสาขาแรกของไทย เปิดตัวเมื่อปี 2545 เลือกทำเลร้านเป็นอาคารเก่าของ สมาคมไทยจีน ตั้งอยู่ตรงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สุรศักดิ์

จุดเด่นของ Blue Elephant คือ สูตรอาหารไทยโบราณ การคัดสรรวัตถุดิบ การพรีเซ้นต์ที่ตรึงใจ นำมาขึ้นโต๊ะเสิร์ฟแบบไฟน์ ไดนิ่ง อย่างตะวันตก บวกกับไฮไลต์การคัดสรรวัตถุดิบท้องถิ่นทั่วไทยในการปรุงอาหาร ด้วยสตอรี่เหล่านี้ยิ่งเพิ่มความหฤหรรษ์ระหว่างการรับประทานไม่น้อย

ตำแก่นตะวันลูกยอกับกุ้งแม่น้ำ

สำหรับใครที่ชอบความแซ่บ พลาดไม่ได้จานนี้ “ตำแก่นตะวันลูกยอกับกุ้งแม่น้ำย่าง” 680 บาท เนื้อสัมผัสฉ่ำกรอบคล้ายมันแกว รสชาติหวานมัน แก่นตะวันนี้ฝรั่งถือว่าเป็นวันเดอร์ฟรุ๊ต เพราะมีสรรพคุณทางยาหลายประการ ความอร่อยนี้ส่งตรงจากวังน้ำเขียวนำมาสับเป็นเส้นตำกับกะปิอย่างดีจากบ้านแขนน ชุมชนเล็กๆ ในจังหวัดภูเก็ต บีบมะนาวผลสดเพิ่มรสชาติเปรี้ยวยิ่งแซ่บสะแด่ว ตักวางบนตัวกุ้งเผาตัวอวบหอมๆ มันเยิ้มเพิ่มความดับเบิลฟินเข้าไปใหญ่ หรือใครอยากเพิ่มรสชาติแปลกใหม่ก็ห่อกินกับใบชะพลูที่เสิร์ฟมาได้

Advertisement
ต้มส้มขมิ้นปลากะพง

ต่อมา “ต้มส้มขมิ้นปลากะพงกับน้ำส้มลูกจาก” 340 บาท รสชาติละมุนกลมกล่อมหอมสมุนไพร ชามนี้รสชาติเปรี้ยวกลมกล่อมจากน้ำส้มหมักลูกจาก ของดีเมืองนครศรีฯ นำมาต้มขมิ้นกับปลากะพง แค่ซดน้ำซุปก็สดชื่นแล้ว คนป่วยได้กินรับรองลุกจากเตียงทันที

แกงสิงหลเนื้อ

ถัดมา “แกงสิงหลเนื้อ” 680 บาท จานนี้เป็นสไตล์แขก ลดดีกรีความแรงจากต้นตำรับ ปรับให้ละมุนขึ้น เนื้อวัวสั่งจากโคราช หนึ่งในของดีเมืองไทย เนื้อที่เคี่ยวกว่า 2 ชั่วโมงให้เนื้อสัมผัสกำลังดีไม่ยุ่ยไม่เหนียว กินกับโรตีเหนียวนุ่มเด็ดที่สุด

สุดท้าย “ไก่ผัดกะลามะพร้าวอ่อนใบกะเพรา” 480 บาท จานนี้พระเอก คือ กะลามะพร้าวอ่อน หรือหน่อกะลา จากชุมชนตะเคียนเตี้ย จังหวัดชลบุรี หน่อกะลาถือเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนโบราณที่นำเอาลูกมะพร้าวที่เริ่มโต สับเอากะลาที่ยังอ่อนมาปรุงอาหาร รสชาติหวานนิดเฝื่อนหน่อย เนื้อสัมผัสกรุบๆ ให้ความอร่อยที่แปลกใหม่

Advertisement

จานนี้ได้อารมณ์อาหารป่า คือ เผ็ดร้อน และแซ่บ อุดมไปด้วยสมุนไพรนานาชนิด ได้แก่ รากผักชี ตะไคร้ ข่า กระเทียม หัวหอม ขมิ้น กระชาย พริกชี้ฟ้าแห้ง พริกขี้หนู ผิวมะกรูด กะปิ เกลือ พริกไทย และดอกกะเพรา ผักชีใบเลื่อย ใบมะกรูดซอย

เครื่องปรุงรสง่ายๆ มีน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ส่วนไก่จะใช้ไก่บ้าน และต้องมีหนังติดด้วย กินแล้วจะได้สัมผัสกรุบ

วิธีทำคือตำเครื่องแกงสดพอหยาบ นำเครื่องแกงลงผัดให้สุก ตามด้วยไก่ จากนั้นใส่หน่อกะลา แล้วตามด้วยสมุนไพรที่เหลือ เสร็จแล้วตักเสิร์ฟในลูกมะพร้าวที่ผ่านการนึ่งแล้ว แต่งหน้าด้วยดอกกะเพราพอจิ้มลิ้ม ด้านรสชาตินั้นคนไทยกินเผ็ดร้อนร้องอู้ กินกับข้าวสวยร้อนๆ แซ่บถึงใจ

เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนทำอาหาร และเชฟของภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์ (Blue Elephant) ย้ำชัดว่า แม้จะขายชาวต่างชาติเป็นหลัก แต่อาหารที่ร้านคงความเป็นไทยแท้ๆ ขอลดเผ็ดลงทำได้ แต่ถ้าไม่เอาเผ็ดเลยก็ต้องขอให้เปลี่ยนเป็นเมนูอื่นที่ไม่เผ็ด อย่างแกงเขียวหวาน ถ้าทำไปจะเสียความเป็นไทย แบบนี้เราไม่ยอม

ถือเป็นอีกร้านที่เชฟยังสนุกกับการทำอาหารไม่สร่างซา แม้วันนี้จะอายุจะล่วงเข้า 59 ปีแล้ว แต่ยังมีพลังงานล้นเหลือจริงๆ 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image