เจาะอินไซต์ เทรนด์เที่ยวล้างแค้น ทำไมคนไทยชอบไปญี่ปุ่น-จีน ช้อปหรู กินอยู่ประหยัด

เจาะอินไซต์ เทรนด์เที่ยวล้างแค้น ทำไมคนไทยชอบไปญี่ปุ่น-จีน ช้อปหรู กินอยู่ประหยัด

เรียกได้ว่า กลับเข้าสู่สภาวะปกติเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ หลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ในปี 2562 ธุรกิจท่องเที่ยวก็กลับมาคึกคักดังเดิม เหล่านักเดินทางต่างปักหมุดแลนดิ้งกันฉ่ำ เพราะอัดอั้นมากว่า 2 ปี เต็ม! ที่ตัวอยู่ติดบ้าน เว้นระยะห่างจากสังคมจนนอยด์ไม่ไหว เมื่อถึงคราวประเทศเปิด นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกก็ไม่พลาดที่จะเคลียร์ตารางให้ว่าง พร้อมลากกระเป๋าไปสนามบินแบบทันทีทันใด

ขณะที่นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยต่างหนีจากความร้อน ที่มีอุณหภูมิทะลุ 40 องศา เดินทางไปรับลมหนาวต่างประเทศเป็นจำนวนมาก

ซึ่งหมุดหมายยอดนิยมตลอดกาลก็หนีไม่พ้น “ประเทศญี่ปุ่น” ทั้งยังประจวบเหมาะกับเงินเยนที่ “อ่อนค่าลง” ส่งผลให้นักช้อปจากไทยบินไปละลายทรัพย์กันแบบฟินๆ

Advertisement

งานนี้ YouTrip ประเทศไทย ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย พร้อมด้วย 3 พันธมิตร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และ Klook ร่วมเปิดเวทีเสวนาเชิงลึก เผยอินไซต์การท่องเที่ยวต่างประเทศของนักเดินทางไทยในวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 พาเจาะลึกไปกับกระแสการท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง รวมทั้งความชอบและแรงจูงใจที่เปลี่ยนไป ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดลักษณะของนักเดินทางยุคใหม่ในประเทศไทย และจุดหมายปลายทางยอดนิยมของโลก

จุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย เผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ YouTrip พบว่า มียอดใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 150% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ หลังจากการฟื้นตัวของสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับการมีจุดหมายปลายทางที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเพิ่มมากขึ้น

โดย 1 ใน 3 ของผู้ใช้ YouTrip ที่เดินทางไปต่างประเทศ เลือกมุ่งหน้าเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่น ปัจจัยสนับสนุนหลักที่ทำให้ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายยอดนิยมคือ วัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว อาหารท้องถิ่นแสนอร่อย และแหล่งช้อปปิ้งหรู

Advertisement
จุฑาศรี คูวินิชกุล

จากข้อมูลการใช้จ่ายของผู้ใช้ YouTrip พบว่า การใช้จ่ายเพื่อการช้อปปิ้งสูงเป็นอันดับ 1 (58%) และในหมวดหมู่ประเภทสินค้าของนักท่องเที่ยวที่ไปญี่ปุ่นนิยมซื้อคือ สินค้าแบรนด์หรู ที่กลายเป็นส่วนสำคัญของการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นของคนไทย

โดยมียอดใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และ 54% ของการใช้จ่ายนั้นอยู่ที่การช็อปปิ้ง โดยร้าน 7-Eleven ยังคงเป็นร้านในดวงใจของคนไทย ทำให้ 7-Eleven ครองแชมป์ร้านที่คนไทยใช้จ่ายด้วยมากที่สุด รองลงมาคือ Pop Mart และร้านกระเป๋าแบรนด์ Goyard

ด้าน มิเชล โฮ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท Klook ประจำประเทศไทยและฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มีอากาศเย็น โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ซึ่งแต่ละพื้นที่มีเสน่ห์แตกต่างกันไป เน้นสถานที่ที่ถ่ายรูปสวย รวมทั้งยังนิยมเที่ยวตามคอนเทนต์และการรีวิวในโซเชียลมีเดีย

มิเชล โฮ

ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจาก วาสิต ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เมืองไทยประกันภัย ที่ระบุว่า “นักท่องเที่ยวไทยยังคงนิยมเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นเป็นอันดับ 1 เนื่องจากอากาศที่ดี การเดินทางที่สะดวกสบาย และสถานที่ท่องเที่ยวมีความหลากหลาย โดยหลังโควิด-19 พบว่านักท่องเที่ยวไทยหันมาให้ความสำคัญกับการซื้อประกันเดินทางมากขึ้น ซึ่งนอกจากการคุ้มครองจากประกันพื้นฐาน ยังมีการเพิ่มเรื่องของการประกันของสูญหาย การยกเลิกเที่ยวบิน หรือกรณีเที่ยวบินล่าช้า รวมถึงภัยธรรมชาติ”

วาสิต ล่ำซำ

ภิรมย์ทิศ ทองแถม ณ อยุธยา หัวหน้ากลุ่มงานการตลาดผลิตภัณฑ์ บมจ.การบินไทย กล่าวว่า หลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด คนไทยเริ่มกลับมาเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยลักษณะการเดินทางท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเป็นแบบ FIT (Free Independent Travelers) ซึ่งเป็นการจองตั๋วเพื่อเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง จากที่ก่อนหน้านี้นิยมใช้บริการจากบริษัททัวร์

ภิรมย์ทิศ ทองแถม ณ อยุธยา

นอกจากนี้ ความสนใจของนักท่องเที่ยวในจีนเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 โดยหลังจากมีการประกาศข้อตกลงเดินทางปลอดวีซ่าระหว่างไทยและจีน ในเดือนเมษายน 2567 YouTrip พบว่ามีปริมาณการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นถึง 466% และจีนกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 2 ที่มีการเดินทางไปมากที่สุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเมืองยอดนิยมที่ผู้ใช้ YouTrip ชื่นชอบ ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซินเจิ้น และเฉิงตู

กับเรื่องนี้ มิเชลระบุว่า “จากนโยบายฟรีซีซ่าไทย-จีน ดึงดูดให้คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศจีนมากขึ้น ทำให้ยอดจองทำกิจกรรมต่างๆ ในจีนผ่าน Klook เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า”

ทั้งนี้ สำหรับเทรนด์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย จุฑาศรีกล่าวว่า “หลังโควิดได้เกิดเทรนด์การเที่ยวล้างแค้นขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะยังคงดำเนินต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง และการเดินทางท่องเที่ยวได้กลายเป็นไลฟ์สไตล์ของคนไทยไปแล้ว”

“แต่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เทรนด์ ‘ช้อปหรู กินอยู่ประหยัด’ เป็นสิ่งที่พบเห็นมากขึ้น และจากการเข้ามาของเทคโนโลยีทำให้เกิดความสะดวกสบายในการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งจุดหมายปลายทางหลักในระยะสั้นและระยะกลางยังคงเป็นประเทศญี่ปุ่น”

ซึ่งแบรนด์หรูที่คนไทยซื้อเป็นอันดับ 1 ได้แก่ Louis Vuitton รองลงมาคือ Dior, Gucci และ Prada ตามลำดับ แต่แบรนด์ที่มีการเติบโตสูงสุดคือ Goyard

ขณะที่ วาสิตกล่าวว่า “การเข้ามาของเทคโนโลยีจะช่วยตอบโจทย์เรื่องการเดินทางให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายในหลากหลายด้าน ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้คนหันมาเลือกเดินทางด้วยตัวเองมากขึ้นแทนการเที่ยวแบบกลุ่มทัวร์ เช่น Google Map ที่ช่วยให้คนเดินทางได้ง่ายขึ้น”

“ส่วนในด้านการใช้จ่ายก็ไม่จำเป็นต้องพกเงินสด เพราะมีบริการดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุล นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังมีการคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น ทำให้เห็นความสำคัญในการซื้อประกันการเดินทางเพิ่มขึ้นตาม”

ด้าน ภิรมย์ทิศกล่าวเพิ่มเติมว่า “เทรนด์การเดินทางด้วยตัวเองมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากเทคโนโลยีทำให้การเดินทางง่ายขึ้น ตั้งแต่การจองตั๋วเครื่องบิน และการจองที่พัก รวมถึงการใช้จ่าย ซึ่งการบินไทยมองเห็นความต้องการในจุดนี้ จึงได้พัฒนาระบบการจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการเดินทางด้วยตัวเอง”

ปิดท้ายที่ มิเชลกล่าวว่า “แนวโน้มการท่องเที่ยวหนึ่งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจน คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวมีอายุน้อยลง โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Gen Y ที่นิยมออกเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศ เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ รวมทั้งยังเปิดรับจุดหมายปลายทางในประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากญี่ปุ่น และจีน”

สัมผัสประสบการณ์ใหม่ เที่ยวให้สุดขอบโลก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image