ยิ้มสู้ฝ่าดราม่า! ‘อะแมนด้า’ โต้โดนปลดทูตกรมสุขภาพจิต ลั่นเดินหน้าทำงานต่อเพื่อสังคม
จากกรณี กรมสุขภาพจิต ประกาศยุติบทบาทการเป็นทูตกรมสุขภาพจิต ของ อะแมนด้า ออบดัม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 หลังแต่งตั้งได้เพียง 5 วันนั้น
อ่าน : กรมสุขภาพจิตประกาศ ‘ยุติ’ บทบาท ‘ทูตสุขภาพจิต’ อแมนด้า หลังแต่งตั้ง 5 วัน
อ่าน : แฟนนางงาม-ชาวเน็ต แห่ #SaveAmanda หลังถูกถอดตำแหน่ง ‘ทูตกรมสุขภาพจิต’
ล่าสุด เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 2 มีนาคม ที่ร้านทีพลีส (Tea Please) ปทุมวัน กรุงเทพฯ อะแมนด้า ออบดัม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 อดีตทูตกรมสุขภาพจิต พร้อมด้วย ปุ้ย – ปิยาภรณ์ แสนโกศิก ผู้อำนวยการกองประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 และ ณะ – ณรงค์ เลิศกิตศิริและผู้บริหารทีพีเอ็น (TPN) ซึ่งเป็นต้นสังกัดของสาวอะแมนด้า ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าว
โดย อะแมนด้า กล่าวว่า ตนรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งโครงการ “Have You Listened” ที่ตนได้ก่อตั้งนั้น ก่อตั้งก่อนที่จะเข้าพบกับกรมสุขภาพจิต เป็นโครงการที่มาจากเสียงของหัวใจของตน ตนอยากทำจริงๆ เพราะมีประสบการณ์เรื่องสุขภาพจิตจริงๆ จึงอยากจะสานต่อโครงการนี้ให้ทุกคนรู้ว่าเสียงของทุกคนสำคัญ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเสียงที่เข้ามาจะเป็นแบบไหนตนพร้อมรับฟัง แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งทูตกรมสุขภาพจิตตนก็ยังทำหน้าที่ต่อไปได้ ซึ่งหากมีใครอยากให้ช่วย ตนก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ 100 เปอร์เซ็น
อะแมนด้า กล่าวต่อว่า ในเรื่องผลกระทบไม่กังวลเพราะต้องมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแง่บวก ต้องพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่จะทำให้คนได้รู้จักโครงการของตนมากขึ้น ส่วนในเรื่องการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง อะแมนด้า ตอบว่า จุดยืนในทางการเมืองของเธอคือ ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ซึ่งก็คือหลักของการเป็นมนุษย์ทุกคน
“ด้าว่าด้าก็สามารถเป็นกระบอกเสียงต่อไปได้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้เสียงของด้าดังขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่ดับไป ใครไม่ทำ เราทำ ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีๆ และเห็นประโยชน์ในโครงการของด้า เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเลย ด้าจะทำให้ดีที่สุด เพราะมีเจตนาที่ดีต่อสังคม ขอให้ทุกคนเชื่อใจ ” อะแมนด้ากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ด้าน ปิยาภรณ์ กล่าวว่า อย่างแรกขออนุญาตท้วงติงเรื่องการใช้คำว่า ปลดฟ้าผ่า หรือปลด เพราะจริงๆ แล้วกรมสุขภาพจิตยังไม่ได้แต่งตั้งอะแมนด้าเป็นทูตกรมสุขภาพจิตอย่างเป็นทางการ เพียงแค่มีการพูดคุยกันเรื่องโครงการที่อะแมนด้าจะทำว่าสามารถสานต่อโครงการร่วมกันได้ไหม ซึ่งกับโครงการ “Have You Listened” ที่อะแมนด้าทำ ต้องบอกว่าเธอมุ่งมั่นและตั้งใจมากๆ ซึ่งพี่ปุ้ยก็เป็นคนพูดกับอะแมนด้าเองว่า โครงการนี้เราจะทำเองไม่ได้ ต้องทำให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ จึงเป็นที่มาของการขอเข้าพบกรมสุขภาพจิต เพื่อขอองค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งก็คือเป็นการพบกันเพียง 1 ครั้งเท่านั้น ซึ่งก็มีการพูดคุยกันโดยทางกรมสุขภาพจิตบอกว่า จะขอเชิญอะแมนด้า เป็นทูตด้านสุขภาพจิต
กับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ทางกองประกวดฯ ยังไม่ได้คุยกับทางกรมสุขภาพจิตโดยตรง และไม่ได้รับเอกสารอะไรจากกรมเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าต่อไปจะไม่ทำงานร่วมกัน ก็ยังคงมีคุณหมอไฟแรง และทีมงานที่ยังพร้อมสนับสนุนอะแมนด้าต่อไป เพราะก็เป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์ต่อสังคม ต้องช่วยกันทำ
ปิยาภรณ์ กล่าวต่อว่า ไม่ได้ตกใจ แค่แปลกใจว่า ทางเราก็ไม่ได้ร้องขอไปเป็นอะไร เพียงแค่ขอองค์ความรู้เพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลเท่านั้น ไม่ได้ขัดแย้งกัน แค่งงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อเรายกหัวโขนออกไป ไม่ว่าจะเป็นทูตหรือไม่เป็น หากไม่ได้ทำจากหัวใจ หรือจริงใจก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งอะแมนด้าก็บอกกับตนว่า ไม่ได้มาเพื่อจะเป็นทูตอะไร แต่เธอทำตามเสียงหัวใจ จะยังคงเดินหน้าทำงานเพื่อสังคมต่อไป
สำหรับโครงการที่ อะแมนด้า กำลังเดินหน้าสานต่ออยู่คือ โครงการ “Have You Listened” ที่ริเริ่มขึ้นด้วยความตั้งใจเพราะอยากเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของสังคมปัจจุบัน โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้คาดการณ์ไว้ใน Provisional Agenda Item 6-2 (2011) ว่า ในปี 2030 โรคซึมเศร้าจะเป็นสาเหตุของภาวะโรคในระดับโลกอย่างแน่นอน โดยแนวคิดของโครงการนี้คือ “การรับฟังอย่างตั้งใจ” มีเป้าหมายที่จะสร้างทุกคนให้เป็นผู้ฟังที่ดี ฟังด้วยความตั้งใจ และความเห็นอกเห็นใจ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ไปจนถึงการสร้างสังคมที่มีสุขภาพจิตที่ดี
