นับถอยหลัง “ยาน DART” ในภารกิจป้องกันโลก จากดาวเคราะห์น้อยพุ่งชน ทะยานขึ้นสู่อวกาศ 24 พ.ย. นี้

นับถอยหลัง “ยาน DART” ในภารกิจป้องกันโลก จากดาวเคราะห์น้อยพุ่งชน ทะยานขึ้นสู่อวกาศ 24 พ.ย. นี้

วันที่ 18 พฤศจิกายน เฟชบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ โดย พิสิฏฐ นิธิยานันท์ – เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ชำนาญการ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(สดร.) ได้เผยแพร่บทความ ภารกิจ ของยาน DART เป็นภารกิจแรกที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการป้องกันดาวเคราะห์ (Planetary defense) โดยจะทดสอบวิธีการเบี่ยงเบนวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยไม่ให้พุ่งชนโลก

สำหรับภัยคุกคามที่เกิดจากการพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อย แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้จริง แต่นับว่ามีความเสี่ยงอยู่ในระดับต่ำมากและสามารถป้องกันได้ ยาน DART จึงเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยไขความเข้าใจ เกี่ยวกับการปกป้องโลกจากภัยคุกคามเหล่านี้

แนวทางการรับมือกับดาวเคราะห์น้อยที่จะเข้ามาชนโลกมีหลายวิธี ตั้งแต่การยิงขีปนาวุธหรือระเบิดนิวเคลียร์ใส่ดาวเคราะห์น้อยให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ไปจนถึงการสร้างยานขนาดใหญ่เพื่อให้แรงโน้มถ่วงของยานลำนั้นค่อย ๆ เบี่ยงเบนวิถีการโคจรของดาวเคราะห์น้อยออกไปจากวงโคจรเดิม

Advertisement

สำหรับวิธีการหนึ่ง ที่ถือว่าอยู่กึ่งกลางระหว่างการยิงระเบิดนิวเคลียร์ หรือส่งยานลำยักษ์ไปเบี่ยงเบนวิถี นั่นคือ การส่งยานหรือฝูงยานพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยด้วยอัตราเร็วสูงเพื่อให้การเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์น้อยเบี่ยงเบนไป องค์การนาซาของสหรัฐฯ จึงเริ่มโครงการ “Double Asteroid Reditection Test” หรือ DART สร้างยานลำแรกในการทดสอบวิธีการพุ่งชนเพื่อเบี่ยงเบนวงโคจรของดาวเคราะห์น้อย โดยมีกำหนดส่งขึ้นสู่อวกาศในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ก่อนที่ยานจะถูกบังคับให้พุ่งชนดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอส (Dimorphos)

ดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอส มีขนาดเพียง 160 เมตร และกำลังโคจรอยู่รอบดาวเคราะห์น้อยดีดิมอส (Didymos) ที่มีขนาด 780 เมตร จึงอาจกล่าวได้ว่า ไดมอร์ฟอสเป็นดาวบริวารของดีดิมอส นักวิทยาศาสตร์มองว่าดาวเคราะห์น้อยทั้ง 2 ดวงนี้ เป็นเป้าหมายที่เหมาะสำหรับยาน DART เนื่องจากทั้งคู่มีขนาดเล็ก หากมองจากโลกจะเห็นดาวเคราะห์น้อยทั้ง 2 โคจรผ่านหน้ากันและกัน กล้องโทรทรรศน์บนโลกจะสังเกตเห็นทั้งคู่เป็นจุดสว่างจุดเดียวที่มีความสว่างเปลี่ยนแปลงไปตามจังหวะการโคจร โดยนักวิทยาศาสตร์สามารถคำนวณคาบการโคจรของดาวเคราะห์น้อยทั้งสองได้จากการเปลี่ยนแปลงนี้

Advertisement

 

และเมื่อ DART พุ่งชนสำเร็จ คาบการเปลี่ยนแปลงแสงสว่างก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม บ่งชี้ว่า DART สามารถเบี่ยงการโคจรและวิถีของดาวเคราะห์น้อยได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามการพุ่งชนของยาน DART ในครั้งนี้จะไม่เบี่ยงเบนวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยทั้งสองจนทำให้เกิดอันตรายต่อโลก เนื่องจากดาวเคราะห์น้อยคู่ดีดิมอส-ไดมอร์ฟอสอยู่ห่างจากโลกออกไปพอสมควร

นอกจากนี้ อีกสองปีถัดไปหลังสิ้นสุดภารกิจ DART องค์การอวกาศยุโรป (ESA) มีแผนจะส่งยานเฮรา (Hera) ไปสำรวจดาวเคราะห์ดีดิมอสและไดมอร์ฟอสอย่างละเอียด ซึ่งจะทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถวิเคราะห์หลุมอุกกาบาตที่เกิดจากการพุ่งชนของยาน DART และทำความเข้าใจถึงผลกระทบทั้งหมดจากภารกิจของยาน DART ได้อีกด้วย

โครงการยาน DART จะกินเวลานานกว่า 8 ปี และใช้งบประมาณทั้งหมด 324.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 10,600 ล้านบาท) ซึ่งรวมถึงการพัฒนายาน จรวดที่ใช้ส่งยาน และการปฏิบัติภารกิจจนถึงช่วงสิ้นสุดภารกิจในปลายปี พ.ศ. 2565

อ้างอิง : https://www.planetary.org/space-missions/dart

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image